เอปสัน รุกตลาดออนดิมานด์การพิมพ์ ตั้งเป้ารายได้ B2B และB2C สัดส่วน 50:50 ในอีก 5 ปี

จิรพรรณ บุญหนุน

กองบรรณาธิการ

เอปสัน เผยแผนธุรกิจกลุ่มอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ ตั้งเป้ารักษาอัตราการเติบโต หลังตลาดไอทีฟื้นตัวเร็วจากโควิด-19

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหารบริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สงครามการค้า และสภาวะการเมืองที่ผ่านมา บริษัทฯได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ โดยในช่วง ไตรมาสแรกของปีงบประมาณเอปสัน 2564 ซึ่งเริ่มเมื่อเดือนเมษายน 2563 ถึงเดือนมิถุนายน 2563 บริษัทมียอดรายได้ที่ลดลงเมื่อเทียบรายได้ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันเพื่อรองรับการทำตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน การซื้อสินค้า การทำงานที่บ้าน การเรียนจากที่บ้าน รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป บริษัทได้เปิดธุรกิจใหม่ในรูปแบบออนดีมานด์หรือบริการเช่าใช้เครื่องถ่ายเอกสารและเครื่องพิมพ์ตามความต้องการอย่างเป็นทางการภายใต้บริการ Easy360 และ EasyMono โดยลูกค้าสามารถชำระค่าบริการตามการใช้งานและตามความต้องการใช้งาน โดยบริการ Easy360 เป็นบริการใช้เครื่องถ่ายเอกสารทั้งสีและขาวดำ โดยลูกค้าจะเสียค่าใช้จ่ายตามจำนวนการพิมพ์ของเครื่องถ่ายเอกสารทั้งสีและขาวดำ

ส่วนบริการ EasyMono เป็นบริการใช้เครื่องพิมพ์หรือพรินเตอร์ในการพิมพ์งานตามความต้องการของลูกค้า (Printer as a service) โดยลูกค้าจะเสียค่าบริการตามจำนวนหน้าที่ลูกค้าพิมพ์งานโดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือนมีราคาค่าบริการเริ่มตั้งแต่ 900 บาทต่อเดือนจนถึงหมื่นบาทต่อเดือน

“ผมมองว่าการธุรกิจ ออนดีมานด์ Printer as a service เป็นธุรกิจโมเดลใหม่ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าระดับองค์กรที่ไม่ต้องรับภาระในเรื่องการจัดหาเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพรินเตอร์ กระดาษหรือหมึกพิมพ์ เพราะเราจะเป็นผู้จัดเตรียมให้กับลูกค้าทั้งหมด เพียงแต่เราจะต้องรู้ความต้องการและจำนวนการใช้งานของลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และผมมองว่าธุรกิจออนดีมานด์จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เอปสันมีรายได้จากลูกค้าธุรกิจ B2B เพิ่มมากขึ้น” ยรรยง กล่าว

ยรรยง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้บริษัทยังจะขยายธุรกิจไปยังลูกค้ากลุ่มธุรกิจหรือ B2B มากขึ้น และมีสินค้าเข้ามาเสริมตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น หุ่นยนต์หรือ Robotic เครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่และเครื่องหน้ากว้าง เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจเมื่อได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจยังเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพและมีความต้องการซื้อสินค้าไอทีมาช่วยในการทำงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ลูกค้าทั่วไปเมื่อได้รับผลกระทบจากภาวะเศรฐกิจทำให้ลูกค้าชะลอการซื้อสินค้าไอที ทำให้ตลาดในส่วนของกลุ่มลูกค้าทั่วไปมีการหดตัวค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังเอปสันยังเน้นการทำธุรกิจในสินค้ากลุ่ม พรินเตอร์สำหรับธุรกิจ (Business inkjet) เครื่องพิมพ์หน้ากว้าง สแกนเนอร์ หุ่นยนต์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“ไอที เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในการหาช่องทางการเจริญเติบโตของธุรกิจ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจช่วยเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส” ยรรยง กล่าว

ยรรยง กล่าวต่อว่า ตลาดรวมไอทีออฟไลน์ในช่วงครึ่งปีแรกมีการลดลง 9 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดไอทีออนไลน์โดยรวมมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 153 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดเท็บเล็ตและตลาดโน๊ตบุคมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดพรินเตอร์มีอัตราการเติบโตที่ลดลง 11 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตามในส่วนของรายได้เอปสันในปี งบประมาณ 2564 เริ่มเดือนเมษายน 2563 สิ้นสุดเดือน มีนาคม 2564 เอปสันคาดว่าจะมีรายได้เท่ากับปีที่ผ่านมา และมีสัดส่วนรายได้จากสินค้าในกลุ่มลูกค้า ธุรกิจ หรือ B2B ที่ 30 เปอร์เซ็นต์จากเดิมที่มีรายได้จากสินค้าของกลุ่มลูกค้าธุรกิจหรือ B2B ที่ 25 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา และกลุ่มสินค้าธุรกิจจะมีการเติบโตโดยรวมในสิ้นปีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์

สำหรับรายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัทคาดว่าสิ้นปีงบประมาณ 2564 กลุ่มธุรกิจลูกค้าทั่วไปจะมีรายได้ที่ลดลง จากเดิมปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไปอยู่ที่ 75 เปอร์เซ็นต์ ในปีงบประมาณ 2564 รายได้รวมกลุ่มลูกค้าทั่วไปจะลดลงเหลือ 70 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ในอีก 5 ปีข้างหน้าเอปสันตั้งเป้ารายได้มาจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจ B2B และกลุ่มลูกค้าทั่วไปในสัดส่วน 50:50

ยรรยง กล่าวว่า ในช่วงปีงบประมาณ 2564 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ระหว่างเดือนเมษายนจนถึงเดือนมิถุนายน 2563 เอปสันมีผลประกอบการติดลบ และในช่วงไตรมาสสองธุรกิจโดยรวมเริ่มฟื้นตัว ตลาดเริ่มมีการซื้อไอทีเพื่อมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจมากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจหุ่นยนต์ซึ่งมีการเติบโตมากกว่า 200 เปอร์เซ็นต์

“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อวงจรธุรกิจและการลงทุนเกือบทั้งหมดของประเทศ  ทั้งยังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายและการใช้ชีวิตของผู้คน ตลาดไอทีในช่วงสี่เดือนแรกก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่เดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมากลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากรัฐบาลประกาศคลายล็อคและผู้คนหันมาซื้อสินค้าไอทีเพื่อรองรับการทำงานและการเรียนผ่านระบบออนไลน์จากที่บ้าน อีกทั้งหน่วยงานราชการก็เริ่มกลับมาจัดซื้ออุปกรณ์สำนักงานมากขึ้น ในส่วนของเอปสันยังคงตั้งเป้ารักษาระดับการเติบโตเท่ากับปีที่แล้ว โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอิงค์เจ็ทพรินเตอร์เพื่อธุรกิจองค์กรและธุรกิจถ่ายเอกสาร และสินค้าอิงค์เจ็ทพรินเตอร์เพื่องานพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสิ่งทอ ธุรกิจป้ายโฆษณา โฟโต้แล็บ และธุรกิจสินค้าแฟชั่นและเฟอร์นิเจอร์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมทางธุรกิจรองรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต” ยรรยง กล่าว

ยรรยง กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมใน 3 มิติมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แนวทางการทำธุรกิจในเชิง B2B ประสบความสำเร็จในระยะยาว โดยมิติแรกคือการปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร ตั้งแต่ด้านระบบการเงินการบัญชี ระบบแบ็คออฟฟิศเพื่อสนับสนุนการขาย การจัดจ้างบุคลากรใหม่ การเทรนนิ่งพนักงาน เพื่อรองรับการทำธุรกิจกับลูกค้า B2B ประการต่อมาคือการพัฒนาและสร้างเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้สามารถเจาะตลาด B2B ได้กว้างและลึกยิ่งขึ้น ทั้งในภาคราชการและเอกชนผ่านการฝึกอบรมรวมถึงรับตัวแทนจำหน่ายสมัครรายใหม่ และมิติความพร้อมสุดท้ายคือการนำเสนอคุณค่า (Value Proposition) 4 ประการ ให้แก่ลูกค้าองค์กร หรือ LEAD ซึ่งเน้นการแก้ไขเพนพอยต์และตอบโจทย์ความต้องการด้านการพิมพ์งานภายในองค์กร ได้แก่ Low total cost of ownership หรือต้นทุนการเป็นเจ้าของที่ถูกลง, Eco-friendly environment หรือความเป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมในองค์กร, Advanced performance หรือประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กรที่ดีขึ้น และ Digital transformation หรือศักยภาพขององค์กรในการเปลี่ยนถ่ายสู่เทคโนโลยีดิจิทัล

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะมีแคมเปญ Heat-Free Technology ออกมาในช่วงกลางไตรมาส 3 นี้ ซึ่งจะช่วยตอกย้ำถึงจุดเด่นของอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ของเอปสันที่โดดเด่นและได้เปรียบเลเซอร์พรินเตอร์และเครื่องถ่ายเอกสาร ถึง 4 ด้าน ได้แก่ การประหยัดค่าไฟที่เหนือกว่า ความเร็วในการทำงานที่ทันใจกว่า ความต่อเนื่องในการทำงาน และการปล่อยความร้อนจากเครื่องที่น้อยกว่า ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการทำงานที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดคือปัจจัยที่องค์กรธุรกิจส่วนใหญ่กำลังเผชิญและต้องการโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าองค์กรธุรกิจ โดยเอปสันมั่นใจว่าการที่บริษัทฯ โฟกัสที่การทำธุรกิจ B2B จะทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้นในทุกปี ซึ่งส่งผลถึงการเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน” ยรรยง กล่าว

#เอปสัน #โควิด-19 #printerasaservice #Easy360 #EasyMono

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share