กองบรรณาธิการ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า การทำธุรกิจในปี 2568 จะเป็นปีที่ท้าทาย เนื่องจากการประกอบธุรกิจของ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ หรือเอ็นที (NT) จะมีรายได้ลดลงประมาณ 40,000 ล้านบาท องค์กรอาจจะต้องประสบกับความยากลำบากโดยเฉพาะเรื่องการบริหารบุคลากร ซึ่งขณะนี้เหลืออยู่กว่า 12,000 คน คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 35 % ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ไม่ควรเกิน 25 % อย่างไรก็ตามได้มอบนโยบายในการดำเนินการใน 7 เรื่องประกอบด้วย
1. ทำองค์กรให้ทันสมัย NT เกิดจากการควบรวม ของ บมจ. กสท โทรคมนาคม (CAT)กับ บมจ. ทีโอที (TOT) ซึ่งทั้งสององค์กรมีบางส่วนที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ดังนั้นด้วยวัฒนธรรมและวิถีที่ผ่านมาบางเรื่องมีความแตกต่างกัน จึงเห็นว่าเมื่อรวมกันแล้วควรทำองค์กรให้ทันสมัย มีขนาดที่เหมาะสม คล่องตัวเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในแผนฟื้นฟู ฯ
2. ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน ซึ่งจากการควบรวมหลายเรื่องซ้ำกันทั้งในเรื่องของการลงทุน และประสิทธิภาพในการดำเนินการ ควรมีการปรับเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน เช่น เรื่องสถานที่ทำงาน ถ้าอยู่แห่งเดียวจะช่วยลดค่าใช้จ่าย
3. การลงทุนในเทคโนโลยี 5G คลื่น 26 GHz ที่มีปัญหาผู้ใช้บริการคลื่นดังกล่าวในประเทศยังมีจำนวนน้อยดังนั้น การลงทุนในอุปกรณ์ต่าง ๆ จำเป็นต้องมีความคุ้มค่า มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน มีตลาดหรือลูกค้ารองรับเสียก่อน รวมถึงต้องบูรณาการการลงทุนกับคลื่น 700 MHz ทั้งนี้ได้ย้ำให้บอร์ดพิจารณาข้อมูลด้วยความรอบคอบ เพราะการลงทุนหลายอย่างอยู่ภายใต้การแข่งขัน
4. คลาวด์กลางภาครัฐ ซึ่งรัฐบาลเดิมอนุมัติไว้แล้ว ประมาณกว่า 6,200 ล้านบาท ซึ่ง NT ควรสนับสนุนต่อเนื่อง ซึ่งหลายหน่วยงานมีการตั้งงบด้านดังกล่าวแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท หาก NT ช่วยในการดำเนินการ นอกจากจะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทแล้ว คาดว่าจะช่วยให้ภาครัฐลดค่าใช้จ่ายในด้านดังกล่าวได้ไม่น้อยกว่า 30 %
5. อยากให้ NT ขอความอนุเคราะห์การสนับสนุนให้ NT เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐ เนื่องจาก NT มีโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านโครงข่าย เน็ตเวิร์ก ที่ดีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นโครงการเน็ตประชารัฐ คลาวด์กลางภาครัฐ และ ศูนย์ AOC 1441 ซึ่งข้อมูลถึงวันที่14 พ.ย.66 มีสายที่โทรเข้าร้องเรียนแล้วถึง 38,000 สายหรือประมาณวันละ 2,600 สาย และสามารถปิดบัญชีม้าไปแล้วกว่า 2,000 บัญชี
6. การบริหารทรัพย์สินทุกอย่างของ NT ที่มีอยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท หากสามารถบริหารทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์ได้แค่ 3% จากมูลค่าสินทรัพย์ที่มีอยู่ จะทำให้มีรายได้ ถึง 6 พันล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในแผนฟื้นฟูของ NT ที่กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งนี้การบริหารสินทรัพย์จำเป็นต้องสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้กับภาคเอกชนที่มีงบการทำตลาดที่สูงกว่า และสามารถรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งถือเป็นโจทย์ปัญหาของ NT แต่ก็มีหลายเรื่องที่ NT ได้เปรียบ เช่น การมีธุรกิจที่คนอื่นไม่มี อย่าง ซับมารีน เคเบิ้ล ส่วนโทรศัพท์มือถือ ที่ NT มีอยู่ประมาณ 2 ล้านเลขหมาย และมีส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลง ควรหากลุ่มลูกค้าที่มีเป้าหมายชัดเจนหรือเป็นกลุ่มเฉพาะมากขึ้น
และ 7. ขณะนี้ NT อยู่ระหว่างการสรรหาคณะกรรมการหรือบอร์ดชุดใหม่ให้ครบองค์ประกอบ ซึ่งเดิมมีจำนวน 13 คน แต่ลาออกไป 6 คน แม้จะเหลือเกินครึ่ง แต่ระหว่างนี้หากมีการดำเนินงานหรือนโยบายใหม่ของบริษัทขึ้นมา ควรจะรอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบอร์ดให้ครบองค์ประกอบเสียก่อน เพื่อป้องกันข้อครหาในการดำเนินงาน
“ในเรื่องดังกล่าว ผมได้ให้นโยบายไว้ว่าบางเรื่องที่ได้ดำเนินการไป ให้ชะลอไว้ก่อน เช่น หลายสัญญาที่แม้จะไม่ได้ก่อภาระผูกพัน คือ ยังไม่ได้ลงนามในสัญญา หรือบางเรื่องอาจจะมีการดำเนินการไปแล้ว แต่ก็ยังไม่จำเป็นต้องลงนาม เพื่อรอความชัดเจน และควรจะคอยบอรด์ชุดใหม่ให้ครบองค์ประกอบเสียก่อน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2เดือน”
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในส่วนของเครือข่าย 5G คลื่น 26 GHz หากจะลงทุนอุปกรณ์ ต้องคุ้มค่ามีตลาดรองรับ หากจะดำเนินการหรือมีนโยบายใหม่ควรชะลอไว้ก่อนจนกว่า NT จะมีบอร์ดครบคาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน
#ดีอี #NT #ThaiSMEs