AIS Business เปิดตัว 3 บริการใหม่ ปักหมุด 3 Sectors หลัก ฟันเฟืองสำคัญสร้างการเติบโต

กองบรรณาธิการ

AIS Business มุ่งสร้าง Digital Infrastructure แพลตฟอร์ม ecosystem สำหรับ องค์กร และพันธมิตร เพื่อให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพสูงสุดและองค์กรสามารถนำเทคโนโลยี 5G รวมถึงนวัตกรรมใหม่ไปใช้ได้ รองรับ Industry revolution โดย AIS Business มุ่งนำเสนอ โซลูชั่นและบริการใหม่รองรับ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย อุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ และธุรกิจผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า AIS มุ่งมั่นกับการยกระดับ Intelligence Infrastructure เพื่อให้รองรับการทำงานสำหรับกลุ่มธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ซึ่งวันนี้เรามีความพร้อมในการวิวัฒน์ภาคอุตสาหกรรมให้สามารถนำดิจิทัลเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของการทำงาน ในการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในอนาคต โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมหลักของประเทศ

 เพื่อรองรับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในยุคดิจิทัลได้ประโยชน์สูงสุด AIS Business ได้เปิดตัว ระบบ  CPaaS  (Communication Platform as a services) ซึ่งเป็นระบบแพลตฟอร์มที่จะช่วยปรับปรุง  (Streamline)   Customer Experience   จัดการการติดต่อสื่อสารของธุรกิจกับลูกค้า ในรูปแบบ Community platform อาทิ  Voice VDO การบริหารจัดการ Call Center  ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับ ZTE เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรียกว่า AIS Cloud PC for Business โดยเป็นอุปกรณ์พกพาที่พนักงานสามารถทำได้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา องค์กรสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในรูปแบบ Desktop as a Service (DaaS) บนระบบคลาวด์ที่จัดสรรได้ตามความเหมาะสมบนความปลอดภัยสูงสุดในการเก็บข้อมูล

นอกจากนี้เพื่อรองรับการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น AIS Business ยังได้ร่วมมือกับ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ครั้งแรกใน South East Asia ในการเปิดตัวบริการ Microsoft 365 Copilot for Enterprise ที่สามารถให้บริการ Microsoft Teams Phone ที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการระบบสื่อสารได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ประหยัดต้นทุน

สำหรับบริการและโซลูชั่นใหม่ที่นำเสนอเข้าสู่ตลาดจะเน้น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย อุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ และธุรกิจผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก  ส่วนพันธมิตรที่มีการนำโซลูชั่นและแพลตฟอร์มของ AIS ไปช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจสูงสุด ทำให้ความท้าทายในการจะทำเรื่องของ Digital Industry Evaluation เกิดขึ้นได้ ประกอบด้วย การท่าเรือ บริษัทสยามโตโยต้า บริษัท Hutchison และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้ว่าการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การท่าเรือใช้ระบบ Port Community System (PCS) หรือระบบศูนย์กลางเชื่อมโยงข้อมูลด้านขนส่งทางน้ำ และโลจิสติกส์แบบไร้รอยต่อทั้งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านโลจิสติกส์ทั้งภาครัฐและเอกชนมาใช้ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การขนส่ง การนำเข้าจากต่างประเทศมีความยืดหยุ่นและที่สำคัญคือสามารถส่งเสริมเรื่อง ค่าใช้จ่ายที่ประหยัด มีประสิทธิภาพ การขนส่งที่ทันเวลา เพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการมากที่สุดซึ่งเป็นการรองรับโครงข่ายการเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศด้วย

ด้านนายณรงค์ชัย บัณฑิตวรางกูล บริษัทสยามโตโยต้า  กล่าวว่า การนำเทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ในการทำงานขององค์กรมีความจำเป็นและเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากบริษัทโตโยต้าอุตสาหกรรม เป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์และชิ้นส่วน เครื่องยนต์ ให้กับโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า ทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1,000,000 เครื่องต่อปี

โตโยต้าได้ร่วมมือกับ AIS นำเทคโนโลยี Energy แพลตฟอร์มมาใช้งานสามารถตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลการผลิตได้ตามความต้องการ  การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ และได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญ ได้เสริมสร้างความเข้มแข็ง ก่อให้เกิดประโยชน์ ส่งเสริมความเป็นเลิศทางด้านการผลิต มีการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี 5G และเก็บข้อมูลจากเซ็นเซอร์ สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์การใช้พลังงานในองค์กร รวมถึงใช้ energy management platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ AIS พัฒนาร่วมกับสภาอุตสาหกรรม สามารถวัดการใช้พลังงานขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายอาณัติ มัชฌิมา ประธานบริหารงานทั่วไป บริษัท ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย (HPT) กล่าวว่า บริษัทได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นความปลอดภัย สร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานและมีการพัฒนาระบบ Smart Seaport ที่สามารถควบคุมปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่า และในลานตู้สินค้าจากระยะไกล หรือ Remote Control  และการนำรถบรรทุกอัตโนมัติไร้คนขับมาใช้ ซึ่งถือเป็นท่าเทียบเรือแห่งแรกของโลกที่นำรถบรรทุกประเภทนี้เข้ามาปฎิบัติงาน ในเส้นทางจราจรร่วมกับรถบรรทุกที่มีคนขับ  นอกจากนี้ยังร่วมกับ AIS ในการพัฒนา 5G Private network สำหรับการทำงานของท่าเรือ และนำไปใช้ในการทำรีโมท คอนโทรลเครน โดยไม่ต้องไปที่หน้าท่าและยังมีการนำ Autonomous Truck มาใช้ที่ท่าเรือแหลมฉบังเป็นแห่งแรกในโลก

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า เซ็นทรัลพัฒนา ในฐานะองค์กรที่อยู่คู่กับประเทศไทยมามากกว่า 42 ปี เราให้ความสำคัญความคิดการลงมือทำ ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ อนาคตที่ดีและยั่งยืนกับทุกคน พร้อมที่จะเชื่อมโยงทุกภาคส่วนอย่าง seamless synergy เชื่อมต่อไปสู่ลูกค้า โดยมีธุรกิจรีเทล เป็นแกนหลัก และศูนย์การค้าที่เชื่อมโยงทุกฝ่ายใน ecosystem พร้อมทั้งลงทุนด้าน digital transformation, technology infrastructure ปีละ 300-500 ล้านบาท พัฒนาระบบช่วยเชื่อมโยงธุรกิจของพันธมิตร คู่ค้า การใช้ชีวิตของลูกค้าแบบ B2B2C และเพิ่มอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจของคู่ค้าแบบครบวงจร AIS คือ หนึ่งในพันธมิตรหลักที่สำคัญของเซ็นทรัลพัฒนา และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เซ็นทรัลและศูนย์การค้าในเครือของเซ็นทรัลทั้งหมด ให้เป็นศูนย์การค้าที่ดี ให้ประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าและพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจกับเซ็นทรัลพัฒนา ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน  โดย AIS ได้ร่วมพัฒนาให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัล เพื่อการต่อยอดของศูนย์การค้า ให้พร้อมยอมรับกับการเปลี่ยนแปลง เป็น Lifestyle Destination ที่สมบูรณ์แบบทั้งในวันนี้และในอนาคต

AIS เป็นพันธมิตรทางด้านดิจิทัลที่ช่วยย้ำภาพลักษณ์ของศูนย์การค้าของเซ็นทรัล และ AIS ให้เป็น Lifestyle Destination ในการช็อปปิ้ง และการใช้ชีวิต ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ First Time ของประเทศไทยอยู่เสมอ และเป็นพันธมิตรที่ช่วย Transform ศูนย์การค้าเซ็นทรัล สู่การเป็น Future of Retail ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

#AISBusiness #ThaiSMEs

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share