MFEC ชูกลยุทธ์ O3 ผนึกกำลังพันธมิตร ตั้งเป้า รายได้ไซเบอร์ซีเคียวริตี้โต 15 เปอร์เซ็นต์

กองบรรณาธิการ

บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด หรือ MFEC ชูกลยุทธ์โซลูชันป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ภายใต้แนวคิด O₃ (Observability, Orchestrator, Optimization) เดินหน้ารุกตลาดไซเบอร์ซิเคียวริตี้เพื่อตอบรับความต้องการที่สูงขึ้นจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตั้งเป้าหมายรายได้ 1.5 พันล้านบาทในสิ้นปี 2566 คาดผลประกอบการด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้โต 15 เปอร์เซ็นต์ มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้ากลุ่มธนาคาร 60 เปอร์เซ็นต์และพลังงาน 40 เปอร์เซ็นต์

นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดไซเบอร์ซิเคียวริตี้กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญสืบเนื่องมาจากความต้องการของตลาดที่ผันเปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล แทบทุกกลุ่มธุรกิจต่างเล็งเห็นถึงความสำคัญของไซเบอร์ซีเคียวริตี้ และมองหาโซลูชันที่สามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยและแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ด้วยประสบการณ์ 26 ปีทางด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ของ MFEC และบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้พร้อมที่จะนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ตรงประเด็นและเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า บริษัทได้ออกแบบกลยุทธ์ O3 ในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์เพื่อผลักดันให้การเติบโตของธุรกิจผ่านการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันเป็นไปอย่างปลอดภัยถือเป็นเป้าหมายหลักของ MFEC ในการนำเสนอกลยุทธ์โซลูชัน O3 ที่สามารถควบคุมและแก้ไขปัญหาได้ครบทุกมิติตั้งแต่การป้องกัน การตรวจจับ และการแก้ไขเมื่อเจอภัยคุกคาม ทั้งนี้กลยุทธ์ O3 ประกอบด้วย

Observability – เสมือนมีผู้ช่วยสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวและติดตามหาหลักฐานของผู้โจมตีเพื่อป้องกันการถูกโจมตีทางไซเบอร์

Orchestrator – ตัวช่วยในการเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของ Software ที่มีความหลากหลายให้ทำงานเชื่อมต่อกันอย่างอัตโนมัติ ช่วยให้องค์กรสามารถกำกับและมองภาพรวมที่สามารถเปิด-ปิดการป้องกันภัยคุกคามได้อย่างง่ายดาย

Optimization – ยกระดับความปลอดภัยให้ทุกองค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบไซเบอร์ซีเคียวริตี้ทำงานได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่บานปลาย

ในปัจจุบันการใช้เทคโนโลยีด้านซีเคียวริตี้เป็นตัวสร้างความน่าเชื่อถือให้กับหลายกลุ่มธุรกิจ เช่นกลุ่มธนาคาร และพลังงาน หรือ Cloud Security Solutions ที่มีแนวโน้มในการใช้งานมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในทุกอุตสาหกรรม รวมไปถึงการลงทุนทางด้านระบบรักษาความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน (Operational Security) และ AI with Cybersecurity, Automation, API Security และ Cloud Security Posture Management (CSPM) ในระบบคลาวด์อาจเป็นเรื่องที่ทุกองค์กรไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป เพราะเทคโนโลยีและการปกป้องทรัพย์สินทางไซเบอร์คือสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูง สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 คาดว่าภาพรวมธุรกิจ MFEC จะมีรายได้เติบโตเกิน 15% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้ 5,453 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มไซเบอร์ซีเคียวริตี้ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์

#MFEC #ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ #ThaiSMEs

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share