ดีอีเอส จับมือ 5 หน่วยงาน เดินหน้าระบบ Central Fraud Registry

กองบรรณาธิการ

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดทําบันทึกข้อตกลงว่าด้วย การให้ความเห็นชอบระบบหรือกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูล ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกําหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566ระหว่าง กระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม สํานักงานตํารวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สํานักงานป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมใช้ระบบ Central Fraud Registry (CFR) แลกเปลี่ยน ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมที่ต้องสงสัย ระหว่างสถาบันการเงิน

ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผย ว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน ได้มีการใช้วิธีการทางเทคโนโลยีหลอกลวงประชาชนทั่วไปผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยี. ต่าง ๆ จนทําให้ประชาชนสูญเสียทรัพย์สินเป็นจํานวนมาก และผู้หลอกลวงได้โอนทรัพย์สินที่ได้ จากการกระทําความผิดนั้น ผ่านบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของบุคคลอื่นต่อไป เป็นทอด ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อปกปิดหรืออําพรางการกระทําความผิด ดีอีเอสไม่ได้นิ่งนอนใจ และมีการหารือกับภาคสถาบันการเงิน และตํารวจมาโดยตลอด จึงได้มีการจัดทําบัน ทึกข้อตกลงว่าด้วยการให้ ความเห็นชอบระบบหรือกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลตามมาตรา 4 แห่งพระราชกําหนดมาตรการ ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ขึ้น ระหว่าง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและ สังคม, สํานักงานตํารวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ เพื่อเป็นการกําหนดระบบหรือกระบวนการ เปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ใช้ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามที่กําหนด ในมาตรา 4 ของพระราชกําหนดฯ

ทั้งนี้ ในมาตรา 4 ของพระราชกําหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ได้กําหนดให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่เปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชี และธุรกรรมของลูกค้าที่เกี่ยวข้องในระหว่างสถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจนั้น ผ่านระบบหรือกระบวนการ เปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สํานักงานตํารวจแห่งชาติ กรมสอบสวน คดีพิเศษ สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นชอบร่วมกัน

 “วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นครั้งสําคัญของความร่วมมือของ 5 หน่วยงาน โดยมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ป้องกันปราบปรามแก้ไขปัญหาการถูกหลอกลวงของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ สถาบันการเงินได้มีการ พัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน Central Fraud Registry (CFR) และจะมีการพัฒนาระบบให้มี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในระยะถัดไป” ปลัดดีอีเอส กล่าว

สําหรับข้อตกลงในการดําเนินการ ได้เห็นชอบร่วมกันในการใช้ระบบ Central Fraud Registry (CFR) พัฒนาโดย บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จํากัด (“NITMX”) เป็นระบบหรือกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยน ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าที่เกี่ยวข้องในระหว่างสถาบันการเงิน ตามมาตรา 4 วรรคหนึ่ง ของพระราชกําหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 โดยระบบดังกล่าว แบ่งเป็น 2 ระยะในเบื้องต้น โดย Phase 1 จะรองรับกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีและธุรกรรม ของลูกค้าที่เกี่ยวข้องในระหว่างสถาบันการเงินผ่านช่องทาง Shared Drive เพื่อให้สถาบันการเงินปลายทางรับ ข้อมูลไปตรวจสอบและระงับธุรกรรมเป็นทอด ๆ ต่อไป ซึ่งเป็นระบบที่รองรับกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยน ข้อมูลชั่วคราวระหว่างการพัฒนาและประกาศใช้งานระบบ CFR Phase 1.1 รวมถึง เป็นระบบที่รองรับ กระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลสํารองที่สามารถใช้ในกรณีระบบ CFR Phase 1.1 ขัดข้องไม่สามารถใช้ งานได้

ส่วน Phase 1.1 รองรับกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างสถาบันการเงินผ่านช่องทาง Web Portal โดยระบบจะแจ้งเตือนไปยังสถาบันการเงินปลายทางได้โดย อัตโนมัติ และสามารถรวบรวมข้อมูล เพื่อสร้างรายงานเส้นทางการเงินได้ ซึ่งทั้ง 5 หน่วยงานจะร่วมกันติดตาม ความคืบหน้าของผู้พัฒนาระบบ CFR เพื่อดําเนินการพัฒนาระบบในระยะต่อๆไป ให้มีความสมบูรณ์และสามารถ ดําเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชกําหนดมาตรการป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566

#ดีอีเอส #ระบบCentralFraudRegistry

#ThaiSMEs

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share