ดีอีเอส ดีเดย์ ผู้ให้บริการ ดิจิทัล แพลตฟอร์มและโชเชียลมีเดีย จดแจ้งผู้ใช้บริการดิจิทัล ภายใน 18 พ.ย. นี้

กองบรรณาธิการ

จากกรณีที่กฎหมาย Digital Platform Services จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 สิงหาคมที่จะถึงนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประกาศดีเดย์ ผู้ให้บริการดิจิทัล แพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซที่มีรายได้ 50 ล้านบาทต่อปี มีจำนวนสมาชิกผู้ใช้บริการดิจิทัล 50,000 รายต่อเดือน ต้องจดแจ้งผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มภายใน 90 วันหรือภายในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า เพื่อรองรับ พ.ร.ฎ. การประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 หรือ กฎหมาย Digital Platform Services (กฎหมาย DPS) ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 สิงหาคมที่จะถึงนี้ มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการดิจิทัลขนาดใหญ่ คือ ผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลนิติบุคคลและผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซที่มีผู้ใช้บริการ 50,000 รายต่อเดือน มีรายได้ 50 ล้านบาทต่อปี และผู้ให้บริการดิจิทัลรายบุคคลที่มีรายได้ 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องมีหน้าที่จดแจ้งให้ สำนักงานธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ทราบก่อนการประกอบธุรกิจ และหากเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งประกอบธุรกิจอยู่นอกราชอาณาจักร แต่ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการในราชอาณาจักรโดยมีการกำหนดหน้าที่ให้เหมาะสมกับลักษณะของการให้บริการและผลกระทบที่อาจเกิดจากการให้บริการ

 จะต้องแต่งตั้งผู้ประสานงานในราชอาณาจักรภายใน 90 วัน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม จนถึง วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566

หากไม่มีการจดแจ้งภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ผู้ใช้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มและอีคอมเมิร์ซจะมีบทลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“กฏหมาย PDS เพื่อกำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัล แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซื้อขายสินค้าออนไลน์ รวมถึงธุรกิจ e-marketplace ต่างๆ ต้องมีการกำกับดูแล  เพื่อให้มีมาตรฐานที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มให้บริการผู้ใช้บริการได้อย่างปลอดภัย เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน” นาย ชัยวุฒิ กล่าวและว่า สำหรับประชาชนที่ขายสินค้าออนไลน์ ยูทูปเปอร์ กฎหมายยังไม่มีการกำกับให้ต้องจดแจ้งการให้บริการกับ ETDA เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้ให้บริการดิจิทัลที่มีคามเสี่ยงต่ำ

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้กฎหมายมีความควบคุมในทุกด้าน ETDA จะมีการจัด การแสดงความคิดเห็นสาธารณะ (Public hearing) ครั้งที่ 4 ในวันที่ 26 มิถุนายนในเรื่อง การยืนยันตัวตนเพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่ดี หรือ Best Practices ซึ่งปัจจุบันธุรกิจต่างๆ มีการยืนยันตัวตนมี 4 รูปแบบ ประกอบการ การยืนยันผ่าน อีเมล์, SMS, เบอร์โทรศัพท์ และบัตรประจำตัวประชาชน นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยเปิดให้ประชาชนสามารถยืนยันตัวตนโดยใช้ระบบดิจิทัลไอดี ของกรมการปกครองหรือ ThaIDด้วย

นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดโต๊ะหารือ 2 ผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์ม “Pantip – Blockdit” ถึงวิธีการลงทะเบียนผู้ใช้บริการผ่าน User ID เร่งดัน “(ร่าง) คู่มือการพิสูจน์และยืนยันตัวตนเพื่อลงทะเบียนเป็นผู้ใช้บริการ” สู่การสร้างกลไกการดูแลตนเอง (Self-regulation) และการดูแลผู้ใช้บริการที่เหมาะสม ภายใต้ กฎหมาย Digital Platform Services ด้วย

นอกจากนี้ยังกำหนดให้ ETDA จัดให้มีช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนกลางที่เกิดจากการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมทั้งมีหน้าที่ในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจมีการจัดทำแนวปฏิบัติที่ดี (Best-practice) หรือมีกลไกในการคุ้มครองผู้ใช้บริการได้อย่างเหมาะสม เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ในที่ประชุมยังได้มีการพูดคุยกันถึงแนวทางการดูแล ป้องกันและแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ผู้ใช้บริการ ผ่านกลไกการลงทะเบียนก่อนเข้าใช้งาน เนื่องจาก Pantip และ Blockdit ถือเป็นตัวอย่างผู้ให้บริการ social media ที่มีการใช้กลไกการลงทะเบียนของผู้ใช้บริการ หรือ User ID ที่ดีมาอย่างต่อเนื่องและมีบัญชีผู้ใช้บริการที่ยังใช้งานอยู่ในระบบจำนวนมาก จากพูดคุยพบว่า ทั้ง 2 ผู้ให้บริการได้มีการกำหนดวิธีการลงทะเบียนเข้าใช้งานของผู้ใช้บริการที่ค่อนข้างชัดเจน คือมีการกำหนดระดับความน่าเชื่อถือ ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งานตามความเสี่ยงของการใช้งาน เช่น ถ้าเป็นการใช้งานขั้นพื้นฐานทั่วไปที่มีความเสี่ยงน้อย ก็จะเน้นลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วย ชื่อ-สกุล อีเมล หรือ เบอร์โทรศัพท์ แต่ถ้าหากเป็นการใช้งานที่มีความเสี่ยงมากๆ เช่น ขายสินค้า ก็จะต้องมีการยืนยันตัวตนด้วยชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ หรือยืนยันตัวตนด้วย Digital ID ที่น่าเชื่อถือ อย่าง Digital ID ที่ออกโดยแอพพลิเคชัน ThaiD ของกรมการปกครอง ซึ่งจากการให้บริการของ 2 แพลตฟอร์ม พบว่า คนไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างมีความตระหนักในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการลงทะเบียน หรือ สมัครเข้าใช้บริการ โดยเฉพาะการกรอกเลขบัตรประชาชนและเลขโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

โดยข้อมูลที่ได้จากการประชุมร่วมครั้งนี้ จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอแนะที่จะนำไปปรับปรุง “(ร่าง) คู่มือการพิสูจน์และยืนยันตัวตนเพื่อลงทะเบียนเป็นผู้ใช้บริการ” กฎหมายลำดับรองภายใต้ กฎหมาย DPS  (Digital Platform Services) ที่จะมีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น Public Hearing ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ แก่ผู้ให้บริการ ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจ ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการ ผ่านการลงทะเบียนการเข้าใช้งาน เพื่อให้ได้บัญชีผู้ใช้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ ระบุตัวตนได้ เพื่อเป็นประโยชย์ในการคุ้มครองผู้บริโภค ลดการฉ้อโกงออนไลน์ โดยเนื้อหาของร่างคู่มือฉบับนี้ จะครอบคลุมทั้ง การจัดประเภทผู้ใช้งานที่ควรพิสูจน์และยืนยันตัวตน กำหนดระดับความน่าเชื่อถือของการพิสูจน์และยืนยันตัวตน List ข้อมูลที่จะต้องเก็บรวบรวม แนวทางการตรวจสอบข้อมูล การแสดงสัญลักษณ์หรือข้อความว่าดำเนินการพิสูจน์และยืนยันตัวตนแล้ว โดย (ร่าง) คู่มือ ฉบับดังกล่าว นับเป็นหนึ่งตัวอย่างของการสร้างกลไกการดูแลตนเอง (Self-regulation) ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เหมาะสม สอดคล้องตามเจตนารมณ์ภายใต้กฎหมายฉบับนี้  สำหรับผู้ประกอบการดิจิทัลแพลตฟอร์มที่คาดว่าจะมาจดแจ้งประมาณ 1,000 ราย

ในปีที่ผ่านมามีการร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำความผิดผ่านออนไลน์จำนวน 60,000 กรณี และเป็นการโกงจากการซื้อขายออนไลน์จำนวน 30,000 กรณี

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดความเคลื่อนไหวและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กฎหมาย DPS เพิ่มเติมได้ที่ https://www.etda.or.th/th/regulator/Digitalplatform/index.aspx หรือที่เพจเฟซบุ๊ก ETDA Thailand

#ดีอีเอส #ผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์ม #กฎหมายDigitalPlatformServices #ThaiSMEs

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share