กองบรรณาธิการ
นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ภายในปี 2025 ทรูมันนี่ตั้งเป้ามีผู้ใช้งานประมาณ 35 ล้านคน จากปัจจุบันที่มีผู้ใช้งานอยู่ที่ 27 ล้านคน เพื่อรองรับการเติบโตและขยายฐานลูกค้าทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด บริษัทได้ยกระดับการพัฒนาและบริการแอพทรูมันนี่เป็นแอพพลิเคชั่น ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคนในทุกวัน และเป็นแอพที่ให้บริการครบที่สุด บนแนวคิด ‘Effortless Money Management Service’ เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงทุกบริการการเงินที่ง่าย และบริษัทมีแผนที่จะยื่นเป็น Virtual bank กับธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย
จากข้อมูลการศึกษาผู้ใช้งาน ทรูมันนี่ พบว่า นอกจากกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินแล้ว ยังมีคนจำนวนมากที่มีบัญชีธนาคารแต่ก็ประสบปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ ได้แก่ ความรู้ เวลา ทุนทรัพย์ อายุ ความยากในกระบวนการ ไปจนถึงมุมมองต่อตนเองในเรื่องโอกาสที่มีในชีวิต ทำให้ไม่สามารถใช้เครื่องมือทางการเงินได้อย่างครบถ้วนและเต็มที่
ทรูมันนี่ จึงมุ่งมั่นที่จะทลายทุกข้อจำกัดเดิมๆ ของทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะมีจุดเริ่มต้นที่ต่างกันอย่างไร ก็สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายและครบแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนผ่านทรูมันนี่ ซึ่งจะเปิดประตูสู่ความ “เป็นไปได้ ได้ทุกคน” ด้วยการนำเสนอบริการใน 3 กลุ่ม ได้แก่
1. บริการในกลุ่มใช้จ่าย: ตอบรับและเติมเต็มไลฟ์สไตล์ผู้ใช้ (Enrich your life)
* ทั้งการจ่ายออนไลน์ ออฟไลน์ โอนเงิน ใช้จ่ายต่างประเทศ และวงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง
2. บริการในกลุ่มการเงิน: ช่วยให้เงินงอกเงยเป็นเรื่องง่าย (Simplify your finance)
* บริการด้านการออม ลงทุน ประกัน และสิทธิประโยชน์หลากหลาย
3. บริการสนับสนุนธุรกิจ: เพิ่มพลังธุรกิจให้ไปได้ไกลกว่า (Empower your business)
* บริการสนับสนุน SME และผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ระบบสมาชิก และฟีเจอร์โปรโมทร้านค้า เป็นต้น
นางสาวณัฐวดี แซ่เอี้ย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมทางธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด กล่าวว่า ทรูมันนี่จะเดินหน้าผสานผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า การใช้งานที่ง่ายเหนือความคาดหมาย และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิด “เป็นไปได้ ได้ทุกคน” ผ่าน 3 กลยุทธ์ ดังนี้
1. Ease (Ease in Every Way): นำเสนอประสบการณ์ที่สะดวก บริการที่เข้าใจง่าย รวมถึงระบบที่ช่วยคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผู้ใช้แต่ละราย
2. Value (Value in Every Move): เปิดประตูสู่โลกการเงินที่ได้คุณค่ามากกว่า เช่น บริการเงินฝากดอกเบี้ยสูง พร้อมสิทธิในการได้รับเงินคืน เมื่อผูกบัญชีเพื่อการใช้จ่าย ฟีเจอร์รีวอร์ดสที่รวมทุกส่วนลดและสิทธิพิเศษเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งการใช้จ่าย ออม และลงทุน โดยเตรียมยกระดับฟีเจอร์รีวอร์ดสสู่ Loyalty Program ที่มอบสิทธิประโยชน์หลากหลายและคุ้มค่ายิ่งขึ้นในอนาคต
3. Access (Accessible to Everyone): ช่วยให้ทุกคนสามารถเริ่มสร้างความมั่นคงทางการเงินในแบบของตนเองได้ โดยมีข้อจำกัดน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนผ่านหลากหลายสินทรัพย์ที่แม้มีเงินน้อยก็เริ่มได้ เช่น มีกองทุนรวมที่เลือกลงทุนได้ตั้งแต่ 1 บาท หรือซื้อแผนประกันด้วยเงินหลักร้อยต้นๆ ไปจนถึงการสมัครขอวงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง โดยไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือน รู้ผลอนุมัติทันที
โดยในเรื่องความง่ายและการจัดการการเงิน ล่าสุด ทรูมันนี่ ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Recurring Manager (ผู้ช่วยจัดการออมและจ่าย) ให้ผู้ใช้สามารถจัดการรายจ่ายประจำต่างๆ ได้อย่างไม่สะดุด ไม่ว่าจะเป็น ค่าสมาชิกรายเดือน บิลมือถือ หรือบริจาคเพื่อการกุศล โดยสามารถดูยอดสรุปค่าบริการ และได้รับแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดจ่าย อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าในการตัดเงินจากบัญชีทรูมันนี่ไปฝากเป็นเงินออมได้ทุกเดือน พร้อมรับดอกเบี้ยสูงสุดถึง 4 เปอร์เซ็นต์
และสำหรับฟีเจอร์เพื่อร้านค้า ทรูมันนี่ ยังเตรียมเปิดตัว มันนี่บ๊อกซ์ กล่องเรียกทรัพย์ ที่จะแจ้งเตือนด้วยเสียงแบบเรียลไทม์เมื่อลูกค้าชำระเงินสำเร็จ ช่วยให้ผู้ประกอบการมั่นใจยิ่งขึ้นว่าเงินเข้าชัวร์ในทุกการรับชำระเงินผ่านทรูมันนี่
นอกจากนี้ ทรูมันนี่ ยังเดินหน้ายกระดับเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ TrueMoney Secure ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจจับและแจ้งเตือนพฤติกรรมต้องสงสัยแบบเรียลไทม์ ฟีเจอร์ยืนยันตัวตนและเข้ารหัสหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการสแกนใบหน้าเพื่ออนุมัติรายการตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป และสายด่วนแจ้งภัยการเงินตลอด 24 ชั่วโมง
นางสาวณัฐวดี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันลูกค้าทรูมันนี่ มี 27 ล้านราย เป็นลูกค้าที่ใช้ประจำหรือ Active users อยู่ที่ 17 ล้านรายหรือ 63 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าทั้งหมด แบ่งเป็นลูกค้าในกรุงเทพ ที่สัดส่วน 40 เปอร์เซ็นต์และลูกค้าต่างจังหวัด 60 เปอร์เซ็นต์
โดยผู้ใช้งานมากที่สุดเป็นลูกค้าในกลุ่ม Gen Y ที่มีอายุอยู่ระหว่าง 20-40 ปี ส่วนลูกค้ากลุ่ม Gen X, Gen Z และ Gen Alpha มีการใช้งานที่มีปริมาณใกล้เคียงกัน
สำหรับการใช้จ่ายมีการใช้จ่ายเฉลี่ยของลูกค้าเดือนละ 3,000- 4,000 บาท ต่อคน ลูกค้ามีการเติมเงินเฉลี่ยครั้งละ 1,000 บาท ต่อคน มีการเติมเฉลี่ย 3-4 ครั้งต่อเดือน โดยลูกค้าใช้ทรูมันนี่ในการซื้อสินค้า (Payment) ที่เป็นบริการดิจิทัล คอนเทนท์มากที่สุด รองลงมาเป็นการเงินออมเงิน (Saving) ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าทั้งหมด บริษัทคาดว่าจะมีลูกค้าออมเงินมากขึ้นเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นปี มีการออมเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 15,000 บาทต่อคน และทรูมันนี่ มีลูกค้าที่อายุน้อยที่สุดอยู่ที่ 7 ขวบ บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
#เป็นไปได้ได้ทุกคน #ทรูมันนี่ #ThaiSMEs