กองบรรณาธิการ
ปิดฉากอย่างงดงามกับโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 9 ห้องเรียนธรรมะถ่ายทอดสดที่ได้มอบข้อคิด สืบทอดมรดกธรรมในหลากหลายแง่มุม ได้เห็นถึงพัฒนาการของสามเณรน้อยทั้ง 12 อย่างครบรส ผ่านการขัดเกลาและเจียระไนด้วยความเมตตาของคณะพระอาจารย์ ครบ 1 เดือนเต็ม ณ เมืองมรดกโลก วัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา จนมาถึงวันลาสิกขาที่เหล่าสามเณร ได้บรรยายธรรมเป็นครั้งแรก มอบเป็น “ธรรมะบรรณาการ” สร้างความอิ่มเอมใจให้แก่ผู้ชมอย่างมาก
พระภาวนาเขมคุณ เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระอาจารย์ใหญ่ โครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 9 กล่าวสัมโมทนียกถาถึงบัณทิตน้อยว่า “ถึงจะสึกไปแล้ว ก็ยังต้องตั้งมั่นรักษาศีล ให้ธรรมะเป็นทานแก่สังคม เพื่อความถูกต้อง ดีงาม และเป็นสุข” ด้านพระมหาวชิรวิชญ์ วชิรเมธี ตัวแทนพระอาจารย์ผู้ดูแลสามเณรอย่างใกล้ชิด กล่าวเสริมว่า “โครงการนี้มุ่งพัฒนาสติ ความรู้ และคุณธรรม ดังนั้น วิธีการสอนจึงเปรียบเสมือนการฉีดวัคซีนธรรมะเข้าไปในหัวใจ ใช้หลักธรรมต่างๆ มารักษาโรคเฉพาะนั้นๆ เช่น คนที่มีความโกรธ ต้องใช้ยาเมตตา คนที่ไม่มีสติ ไม่นิ่ง ก็ใช้ยาสมาธิ เป็นต้น จนวันที่ออกไปเป็นฆราวาส ก็จะได้ยารักษาใจที่สมบูรณ์
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ / ประธานกรรมการ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้ริเริ่มโครงการฯ กล่าวว่า โครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเรียนรู้ธรรมะไปพร้อมๆ กับเหล่าสามเณร เราได้เห็นวิธีการสอนของพระอาจารย์ที่เป็นเหตุเป็นผล เต็มไปด้วยความเมตตา เชื่อว่าถ้าผู้ปกครองทั่วประเทศได้นำแนวทางเหล่านี้ไปศึกษาและปรับใช้ ก็เปรียบเสมือนมีวัดและธรรมะอยู่ในบ้านด้วย ก็จะเกิดความเจริญ สันติในครอบครัวและสังคม ซึ่งจากนี้ไป คณะผู้จัดจะนำคอนเทนต์ไปขยายผลต่อ โดยนำเนื้อหาสาระแปลเป็นภาษาต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงและเกิดผลต่อผู้ชมให้มากที่สุดทั้งในและต่างประเทศ และพร้อมเดินหน้าสานต่อโครงการสามเณรปลูก ปัญญาธรรมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
จากพันธกิจค้นหาความหมายของ 4 สัปดาห์แห่งการเรียนรู้ “รัก-เรียน-เพียร-ให้” ก็ถึงเวลาที่เหล่าเณรน้อย จะได้กลับสู่อ้อมอกของพ่อแม่ และทำหน้าที่พลเมืองที่ดีต่อประเทศชาติและสังคมต่อไป ซึ่งความพิเศษของวันลาสิกขา คือการบรรยายธรรมของ 12 สามเณรปลูกปัญญาธรรม ที่ได้น้อมนำหลักคำสอน “มรรคมีองค์ 8” มาถ่ายทอดในแบบฉบับการเล่าเรื่องผ่านประสบการณ์ของตนเอง ทำให้ญาติโยมและผู้ชมรายการได้เรียนรู้ธรรมะจากสามเณรด้วยความปลื้มปิติไปด้วยเช่นกัน
ความรู้สึกของเหล่าสามเณรภายหลังจากลาสิกขาแล้ว ต่างมีมุมมองอันน่าชื่นชม…นิวส์ – ด.ช. อภิรักษ์ บัวมาตย์ จากจ.ร้อยเอ็ด ที่ได้สมญานามจากพระพี่เลี้ยงว่า “สามเณรใจเพชร” เพราะสู้สุดใจ แม้อ่านหนังสือยังไม่คล่อง แต่สามารถบรรยายธรรมได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยอาศัยการจดจำจากรูปวาด ให้ข้อคิดเรื่อง “ความเพียรชอบ” เล่าถึงกิจวัตรที่ต้องทำด้วยความเพียร เช่น ตื่นแต่เช้า ออกบิณฑบาต ถือของหนัก เดินจงกรม แต่มองว่าสิ่งเหล่านี้ สามารถพัฒนาตนให้มีความอดทน และควรนำความเพียรมาเป็นพลัง เพื่อสู้เอาชนะความอ่อนแอที่อยู่ในใจ” ซึ่งผลลัพธ์นี้ ได้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่พ่อแม่ ดังเช่น นางนันทนิด บัวมาตย์ ผู้ปกครองของน้องนิวส์ กล่าวว่า “การบวชของลูกครั้งนี้ ทำให้ครอบครัวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะทุกคนจะมานั่งชมรายการ และซึมซับธรรมะไปพร้อมกัน จนตัวเองเกิดแรงบันดาลใจอยากเข้ามาเป็นจิตอาสาให้กับโครงการนี้ในปีต่อๆ ไป”
ด้านด.ช. ภูเบศ คลอวุฒิวัฒน์ หนุ่มน้อยวัย 12 ปีจาก จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า “การบวชทำให้ได้เรียนรู้ธรรมะที่มีคุณค่าต่อชีวิต ทั้งความรู้รอบตัว อาจริยวัตร (กิจที่ควรประพฤติต่ออาจารย์) ธรรมชาดกต่างๆ นำมาสู่การบรรยายธรรม บทสรุปแห่งการเรียนรู้เรื่อง “ความรักจักรวาล” ได้อย่างลึกซึ้ง ที่สอนให้เริ่มจากรักตัวเองในทางที่ถูกต้อง ไม่ทำร้ายผู้อื่น เรียนรู้ความรักจากโยมพ่อแม่ ตอบแทนพระคุณท่านด้วยความกตัญญู ความเมตตาจากหลวงพ่อและคณะพระอาจารย์ ญาติโยมที่มาร่วมตักบาตร ล้วนสื่อถึงความรักที่มีอยู่รอบตัวเรา สิ่งนี้ เรียกว่า “ความรักจักรวาล” ที่ทุกคนต่างเห็นคุณค่าของกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พร้อมแบ่งปันความปรารถนาดีให้กับทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้
ด้านศิลปินผู้ใจบุญ #สามเณรปลูกปัญญาธรรม #ThaiSMEs