กองบรรณาธิการ
เดินหน้าสร้างปรากฏการณ์ให้กับคนรักนาฬิกาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยมาตรฐานด้านความเที่ยงตรง กับดีไซน์โมเดิร์นที่ผสมผสานกลิ่นอายย้อนยุคสไตล์เรโทรเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ นาฬิกาจักรกลประสิทธิภาพสูงที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นมาพร้อมด้วยความครบครันในทุกมิติทั้งความงามและคุณภาพอันยอดเยี่ยม ผลิตในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ความปรารถนาของแบรนด์กับ 3 Joy of Orient Star คือการมอบความสุขทั้งสามประการของการเป็นเจ้าของ Orient Star ความสุขที่ได้สวมใส่ ความสุขที่ได้ชื่นชมความงาม และ ความสุขแห่งการเชื่อมโยงถึงประวัติที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่ง Orient Star เป็นแบรนด์ที่ได้รับการแนะนำในญี่ปุ่นในฐานะแบรนด์ระดับสูงอีกด้วย
นายยุทธพล ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหกรุงทองเทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า โอเรียนท์ สตาร์ คือความมุ่งมั่นในการพัฒนานาฬิกาทุกเรือนให้เป็นไปตามปรัชญาของแบรนด์ ที่ต้องการส่งมอบความสุขให้แก่ผู้ที่ได้เป็นเจ้าของ เกิดจากช่างฝีมือที่มีความชำนาญและมากไปด้วยประสบการณ์เพื่อให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพภายใต้คำว่า Made in Japan อย่างแท้จริง โอเรียนท์ สตาร์ พร้อมแล้วที่จะเติมเต็มทุกความต้องการ ด้วยเรือนเวลาที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของดีไซน์ที่สวยงาม คุณภาพที่เป็นเลิศ รวมถึงการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิต พร้อมเปิดตัวนาฬิกาในคอนเซป Eternal Sky เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงคือเสน่ห์ของกาลเวลา รูปแบบนาฬิกาจากดีไซน์ผสานกลไก ที่เปลี่ยนสุนทรียภาพของธรรมชาติสู่การสวมใส่ 3 รุ่น คือ โอเรียน สตาร์” (Orient Star) เรือนเวลารุ่นใหม่ในสไตล์หน้าปัดแบบ Full Skeleton (Ref.RE-AZ0101N) ภายใต้แนวความคิด จักรวาลอันกว้างใหญ่ ที่งานออกแบบสะท้อนภาพของห้วงอวกาศและจิตวิญญาณแห่งการสำรวจ ตัวเรือนนาฬิกาสัมผัสได้ถึงความพรีเมียมทั้งในส่วนของวัสดุและกลไกภายในที่มีความโดดเด่นจากการใช้จักรเหล็ก (Escape Wheel) ที่ผลิตจากซิลิเซียมด้วยเทคโนโลยี MEMS (Micro-Electro_Mechanical Systems) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นโดยบริษัทเอปสัน (EPSON) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์โอเรียนท์ สตาร์ อันมีส่วนช่วยให้ชิ้นส่วนที่ได้มีน้ำหนักเบาและมีความเที่ยงตรงสูงโดยชิ้นส่วนนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นสีน้ำเงินเพื่อสื่อถึงกาแล็กซี่ทางช้างเผือกที่ตัดกับสีเทาของฐานเครื่องและส่วนอื่นๆ เปรียบเสมือนห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่
ในส่วนของดีไซน์ภายนอกนั้น ตัวเรือนสเตนเลส สตีลคุณภาพสูงถูกออกแบบให้มีขนาดความกว้างที่เหมาะสมที่ 39 มิลลิเมตร มีผิวสัมผัสเรียบเนียนระดับไฮเอนด์ด้วยการขัดเงาแบบซัลลาส (Sallaz) ผสมผสานกับการปัดด้านในบางส่วน ตัวเรือนบางพอดีและกระชับกับข้อมือด้วยความหนาเพียง 10.8 มิลลิเมตร ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัว สายโลหะให้สัมผัสสบายขณะที่สวมใส่และจุดเด่นอยู่ตรงเข็มนาฬิกาสีน้ำเงินที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมาะอย่างยิ่งกับการเป็นนาฬิกาที่ใช้งานในทุกวันและสิ่งสำคัญที่สุดได้แก่การบอกเวลาอย่างเที่ยงตรงผ่านการทำงานของเครื่อง in-house caliber F8B6 ระบบไขลานที่สำรองพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 70 ชั่วโมงด้วยค่าความคลาดเคลื่องเพียง +15 ถึง -5 วินาทีต่อวัน
อีกหนึ่งนาฬิกาเรือนที่เปิดตัวได้โดดเด่น Orient Star Mechanical Moon Phase Limited Edition (Ref.RE-AY0116A) ภายใต้แนวคิดและสร้างสรรค์จาก “พระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วงที่ทะเลสาบทาซาวะ” ทะเลสาบทาซาวะตั้งอยู่ในจังหวัดอาคิตะ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น 1 ใน 100 ทะเลสาบที่สวยงามและเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่นโดยมีระดับความลึกถึง 423 เมตร ตัวเรือนมีความโดดเด่นและน่าหลงใหลด้วยดีไซน์การไล่เฉดสีเทาบนหน้าปัดเปลือกหอยมุกที่สีของหน้าปัดนั้นจะเปลี่ยนไปตามมุมมองและแสงที่ตกกระทบเฉกเช่นเดียวกันกับสีของพื้นผิวของทะเลสาบทาซาวะที่จะเปลี่ยนไปตามภูมิอากาศ นาฬิกามีความพิเศษที่ตรงฟังก์ชั่นแสดงข้างขึ้นข้างแรมด้วยดวงจันทร์สีเงินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน ตัวเรือนมีความกว้าง 41.0 มิลลิเมตรและมีความหนา 13.8 มิลลิเมตร กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโค้งเคลือบสารกันสะท้อน SAR ช่วยให้อ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจน
ตามมาด้วยนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด Orient Star Diver 1964 1st Edition (Ref.RE-AU0502S) ที่มีความพิเศษตรงที่เป็นรุ่นที่ผลิตแบบจำกัดจำนวนและออกจำหน่ายเพียง 500 เรือนภายนอกประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น นาฬิกาสปอร์ตดำน้ำในรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น Olympia Calendar Diver ที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1964 แต่ได้รับการยกระดับมาตรฐานในการใช้ดำน้ำได้จริงที่ระดับความลึก 200 เมตรภายใต้เงื่อนไขการรับรอง ISO 6425 พร้อมให้ความเชื่อมั่นได้ถึงการทำงานของเครื่องอัตโนมัติคุณภาพสูงจากโอเรียนท์ สตาร์ ในส่วนของดีไซน์ภายนอกนั้นนาฬิกาได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์ในแบบดั้งเดิมมาอย่างเต็มเปี่ยมโดยเฉพาะการเลือกใช้หน้าปัดสีเงินตามเรือนต้นแบบและผสมผสานเข้ากับดีไซน์วินเทจ
#โอเรียนท์สตาร์ #3JoysofORIENTSTAR #นาฬิกาจากญี่ปุ่น #ThaiSMEs