กองบรรณาธิการ
ส่องเทรนด์ร้านอาหารและฟู้ดเดลิเวอรี่ ‘Penguin Eat Shabu’ ชี้หลังคลายมาตรการล็อกดาวน์ แม้ยอดขายหน้าร้านทยอยเพิ่มขึ้น แต่ยังกระจายความเสี่ยงรุกให้บริการเดลิเวอรี่เพื่อพัฒนาเป็นรายได้หลัก ส่วน ‘FoodStory’ ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นจัดการร้านอาหาร ชี้ COVID-19 กระตุ้นผู้ประกอบการต้องปรับตัวพึ่งพาแอพพลิเคชั่นเพื่อให้บริการเดลิเวอรี่และจัดซื้อวัตถุดิบ รองรับการสั่งซื้อล่วงหน้าแบบ Pre-Order ขณะที่ JWD พัฒนาโมเดลศูนย์รวมวัตถุดิบและขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วนพิเศษ Cold Chain Express Delivery เพื่อรองรับธุรกิจร้านอาหาร
ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารร้าน Penguin Eat Shabu เปิดเผยว่า ร้าน Penguin Eat Shabu เปิดให้บริการแล้วกว่า 5 ปี หลังจากที่เกิด COVID-19 ปัจจุบันมีร้านที่กลับมาเปิดให้บริการรวมทั้งหมด 7 สาขา โดยในช่วงที่รัฐบาลและกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประกาศปิดศูนย์การค้าเพื่อควบคุมโรคระบาด ทางร้านต้องปรับตัวมาพัฒนาเมนูรองรับบริการเดลิเวอรี่ อาทิ ข้าวราดกระเพาวากิว, ชุดชาบูพร้อมปรุง ฯลฯ และเข้าร่วมกับแอพพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน โดยเลือกให้บริการเดลิเวอรี่แบบ Pre-Order (สั่งซื้อล่วงหน้าและจัดส่งวันรุ่งขึ้น) ซึ่งมีผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า
อย่างไรก็ตามในระยะแรกทางร้านทดลองจัดส่งอาหารเอง ปรากฏว่าเกิดความล่าช้าอยู่บ้าง จึงตัดสินใจเป็นบิสซิเนส พาร์ทเนอร์กับ FoodStory ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นบริหารจัดการร้านอาหาร และบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจโลจิสติกส์ เพื่อให้บริการจัดส่งอาหารแก่ลูกค้าที่สั่งซื้อแบบ Pre-Order และจัดส่งโดยรถควบอุณหภูมิ
“หลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ให้ลูกค้านั่งทานอาหารที่ร้านได้ พบว่าสาขาที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้ามียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามทางร้านยังคงมุ่งเน้นให้บริการเดลิเวอรี่ต่อไปเพื่อเป็นรายได้หลักอีกช่องทางหนึ่งที่จะกระจายความเสี่ยง โดยมีแผนพัฒนาเมนูใหม่ ๆ เพิ่มเติมจากเมนูชาบูเดลิเวอรี่ และร่วมมือกับพาร์ทเนอร์มากขึ้น” ธนพงศ์ กล่าว
ฐากูร ชาติสุทธิผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีฟวิ่ง โมบาย จำกัด ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นระบบบริหารจัดการร้านอาหารแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ FoodStory กล่าวว่า บริษัทได้ให้บริการแอพพลิเคชั่น FoodStory มาเป็นระยะเวลาเกือบ 8 ปี เพื่อตอบสนองผู้ประกอบการที่ต้องการนำแอพพลิเคชั่นมาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบริหารจัดการร้าน โดยพบว่าผู้ประกอบการร้านอาหารให้ความสนใจและปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นได้ดี ทั้งการใช้งานเพื่อบริหารจัดการร้านและบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ ส่งผลให้ปัจจุบันมีร้านอาหารที่ใช้แอพพลิเคชั่นของบริษัทฯ แล้วกว่า 10,000 ร้าน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 25,000 ร้าน ภายในสิ้นปีนี้
แอพพลิเคชั่นดังกล่าว ประกอบด้วย 1. ระบบการขายหน้าร้าน ซึ่งเหมาะกับธุรกิจร้านอาหาร ร้านบุฟเฟ่ต์หรือร้านคาเฟ่ โดยถูกพัฒนาให้เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อโอกาสสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น อาทิ การแจ้งเมนูใหม่หรือโปรโมชั่นใหม่แบบเรียลไทม์, บริการจองคิว, บริการสั่งอาหารล่วงหน้า ฯลฯ และ 2. ระบบบริหารจัดการร้าน เช่น สั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าทางออนไลน์ (สั่งวันนี้ ส่งพรุ่งนี้) จากซัพพลายเออร์ที่รวบรวมไว้ใน FoodStory Market และเชื่อมต่อกับระบบบจัดการสต๊อกวัตถุดิบ (Inventory Management) โดยมี JWD เป็นพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์ ให้บริการรวบรวมและจัดส่งวัตถุดิบต่าง ๆ จากซัพพลายเออร์ไปยังร้านอาหารตามที่มีคำสั่งซื้อล่วงหน้า และจัดส่งโดยรถควบคุมอุณหภูมิแบบด่วนพิเศษ
ทั้งนี้ ผลกระทบจาก COVID-19 ได้กระตุ้นให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ต้องปรับตัวใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อให้บริการเดลิเวอรี่และสั่งซื้อวัตถุดิบทางออนไลน์เพื่อประหยัดเวลา และปัจจุบันแม้ร้านอาหารกลับมาให้บริการทานในร้านได้ แต่ความต้องการใช้แอปพลิเคชั่นยังมีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากผู้ประกอบการได้เห็นถึงประโยชน์ต่าง ๆ อาทิ การเพิ่มยอดขายเดลิเวอรี่, การสั่งอาหารและชำระเงิน Online, การจองคิว ฯลฯ
ด้านชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ได้ปรับตัวจากการขายหน้าร้านมาให้บริการแบบเดลิเวอรี่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะนำเสนอเซ็ตเมนูอาหารสดแบบสั่งซื้อล่วงหน้า เช่น นำเสนอเซ็ตชาบูพร้อมปรุงแบบเดลิเวอรี่ถึงบ้าน เพื่อให้ลูกค้าสั่งซื้อล่วงหน้าไปปรุงรับประทานเองที่บ้าน และในขณะเดียวกันก็ปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบบริหารจัดการร้านด้วยเทคโนโลยีฟู้ด แอปพลิเคชั่น เช่น การสั่งซื้อและบริหารสต๊อกวัตถุดิบ, จองคิว เป็นต้น
บริษัทฯ จึงร่วมมือกับพาร์ทเนอร์คือ ซีเจ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) รุกบริการใหม่ ‘JWD Cold Chain Express Delivery’ หรือการจัดส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วนพิเศษ แบบแช่เย็น (Chilled) และแช่แข็ง (Frozen) ที่แตกต่างจากฟู้ด เดลิเวอรี่ ทั่วไป โดยใช้รถที่ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการขนส่งเพื่อรักษาคุณภาพอาหารและคงความสดใหม่ ซึ่งต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และการให้บริการธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น
นอกจากนี้ JWD อยู่ระหว่างการพัฒนาโมเดลศูนย์รวมวัตถุดิบและขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน สำหรับซัพพลายเชนธุรกิจอาหารบนมาร์เก็ตเพลส เพื่อรองรับเครือข่ายร้านอาหารบนแอปพลิเคชั่น FoodStory ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 10,000 ร้าน โดยทำหน้าที่ให้บริการตั้งแต่การจัดเตรียมและรวบรวมวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์แหล่งต่างๆ มาไว้ที่คลังสินค้าห้องเย็นย่านบางนาเพื่อจัดหมวดหมู่ ก่อนดำเนินการส่งไปยังร้านอาหารสาขาต่าง ๆ ตามออเดอร์ที่ได้รับตรงตามระยะเวลาที่กำหนด ทำให้ร้านอาหารที่ใช้แพลตฟอร์ม FoodStory Market ได้รับสินค้าที่คงคุณภาพความสดใหม่ตรงตามเวลาที่กำหนด ทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนด้านการขนส่งเนื่องจากเป็นการรวมศูนย์การจัดการวัตถุดิบไว้ในคลังสินค้าห้องเย็น JWD ที่เดียวและสามารถรวมทุกออเดอร์การจัดส่งสินค้าเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นของสดหรือของแห้ง
“เราเริ่มให้บริการ Cold Chain Hub & Express Delivery ตั้งแต่ต้นปีนี้ ถือว่ามีผลตอบรับที่น่าพอใจ มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 40-60% โดยปัจจุบันเรามีฐานลูกค้าที่ให้บริการจัดส่งวัตถุดิบและอาหารพร้อมปรุง ทั้งหมดกว่า 100 ร้าน ที่อยู่ในเครือข่ายแอปพลิเคชั่น FoodStory และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ร้าน” ชวนินทร์ กล่าว