สตีเบล เอลทรอน คาดโต 5% สิ้นปี พร้อมขยายธุรกิจและฐานลูกค้าเพิ่มยอดขายช่วงโควิด-19

กองบรรณาธิการ

สตีเบล เอลทรอน ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำในประเทศไทย และผู้นำตลาดเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน เครื่องกรองน้ำ ปั๊มน้ำ ฮีทปั๊มและเครื่องเป่ามือจากประเทศเยอรมนี เผยการพัฒนาระบบนิเวศด้านอีคอมเมิร์ซ การนำเสนอโซลูชันเพื่อความยั่งยืนเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ ๆ ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จทางธุรกิจในประเทศไทยในปี 2564 นี้

จากการที่ร้านค้าปลีกหยุดดำเนินการในระหว่างการแพร่ระบาด สตีเบล เอลทรอน ได้มีการปรับตัวเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมในการช้อปปิ้งด้วยการร่วมกับคู่ค้าอีคอมเมิร์ซออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งการเปิดตลาดเพื่อจับกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ด้วย โดยในช่วงปี 2564 นี้ ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% ซึ่งเป็นอานิสงส์จากช่องทางอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของร้านค้าปลีกที่มีการขยายช่องทางการขายสู่ออนไลน์มากขึ้น ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ เชื่อว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากกลยุทธ์การปรับลดราคา

มร. โรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด กล่าวว่า ในสิ้นปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์เทียบกับปีที่ผ่านมา หรือมีรายได้ประมาณ 1.1 พันล้านบาทโดยบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าประเทศไทย ประมาณ 900 ล้านบาท แม้ว่าตลาดจะได้รับผลกระทบจากการหยุดดำเนินการของร้านค้าปลีก รวมทั้งการชะลอตัวของโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ บริษัทยังสามารถคงยอดขายไว้ได้โดยการมุ่งเน้นไปที่การขายผ่านช่องทางออนไลน์เนื่องจากผู้บริโภคยังคงมีความต้องการในตัวสินค้าอยู่สถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้นับเป็นโอกาสที่ดีได้กลับมาทบทวนและประเมินแผนธุรกิจและลูกค้าใหม่ และยังช่วยให้สตีเบล เอลทรอน สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์อย่าง C-Segment ที่มีราคาที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเหล่านั้นได้มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ช่วยให้สามารถคงไว้ซึ่งยอดขาย และยังมีส่วนให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยไม่ต้องลดจำนวนพนักงานหรือลดเงินเดือน

อนึ่ง ผลิตภัณฑ์กลุ่มเพื่อความยั่งยืนที่ช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายพร้อมไปกับการได้ดูแลสิ่งแวดล้อมนั้นยังถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญที่สตีเบล เอลทรอน ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอออกไป โดยจากการศึกษาพบว่าปัจจุบันลูกค้าให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพของสินค้า ระยะเวลาในการส่งมอบ และการให้ความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2564 นั้นถือว่าตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในปี 2564 ได้แก่

• เครื่องทำน้ำอุ่นรุ่น XG Super Black ที่วางจำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 เครื่อง เฉพาะช่องทางออนไลน์ Shopee, Lazada และ JD Central

• เครื่องทำน้ำร้อนรุ่น DCM7 มาพร้อม Rapid Composite Heater ที่ช่วยให้ผลิตน้ำร้อนได้รวดเร็วทันใจ

• STIEBEL LIFE ตู้กดน้ำร้อน-น้ำเย็นที่มาพร้อมเครื่องกรองน้ำเชิงพาณิชย์คุณภาพระดับพรีเมียมอย่าง MAXSTREAM ที่ช่วยให้กรองน้ำได้ปริมาณมาก ออกแบบมาได้อย่างลงตัวไม่ว่าจะติดตั้งกับที่บ้าน สำนักงาน หรือสถานที่ทำงาน

• MAXSOFT เครื่องทำน้ำอ่อนคุณภาพสูง ขนาดกะทัดรัด ที่ช่วยเสริมคุณภาพของน้ำดื่มสำหรับเครื่องชงกาแฟ เครื่องทำน้ำแข็ง และตู้กดน้ำร้อน-น้ำเย็น ซึ่งถือเป็นสินค้าที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับร้านอาหาร และคาเฟ่ต่าง ๆ

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการช่วยให้ลูกค้าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในช่วงการระบาดของโควิด-19 สตีเบล เอลทรอน ยังได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องทำน้ำอุ่นซีรีย์ใหม่ ชื่อว่า Safe-Save Series ที่ช่วยให้ลูกค้าประหยัดปริมาณงบประมาณ ได้แก่ รุ่น DE, AQE และ WS E-2 โดยทั้งสามรุ่นนี้ออกมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยที่เป็นครอบครัวใหญ่ ผู้พักอาศัยอยู่คนเดียว และกลุ่มผู้ที่เริ่มทำงาน ที่ให้ความเชื่อมั่นกับมาตรฐานเยอรมัน การวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งสามรุ่นนี้ของสตีเบล เอลทรอนถือเป็นการขยายตลาดและแนะนำแบรนด์ให้กับกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ โดยเน้นที่กลุ่มลูกค้าในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนที่จะขยายไปยังภูมิภาคอื่นของประเทศไทย ซึ่งผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายฐานลูกค้าเดิม รวมถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาได้อีกด้วย 

จากการล็อกดาวน์ประเทศส่งผลให้ดีลเลอร์ทั่วประเทศของสตีเบล เอลทรอนต้องปิดดำเนินการชั่วคราว บริษัทจึงได้เสริมความแข็งแกร่งในกลยุทธ์อีคอมเมิร์ซเพื่อเพิ่มยอดขายในประเทศ เนื่องด้วยสินค้ากลุ่มเครื่องทำน้ำอุ่นและสินค้าอื่น ๆ ของสตีเบล เอลทรอนถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของคนไทย

ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม 2564 สตีเบล เอลทรอน มียอดขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2563 โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากช่องทางโมเดิร์นเทรด (58%) ตามมาด้วยดีลเลอร์ (22%) การค้าระหว่างธุรกิจด้วยกัน หรือ B2B (11%) และอีคอมเมิร์ซ (9%)

#สตีเบลเอลทรอน #โควิด19 #ThaiSMEs #อีคอมเมิร์ซ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share