อาลีบาบา ขานรับมหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 เน้นการมีส่วนร่วมรองรับลูกค้าทั่วโลก

กองบรรณาธิการ

คริส ต่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่าปัจจุบันมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก มีแบรนด์เข้าร่วมมากกว่า 290,000 แบรนด์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 40,000 แบรนด์ และวัตถุประสงค์ของมหกรรม 11.11 เปลี่ยนจากงานช้อปปิ้งมาเป็นการสร้างคุณค่าให้ผู้ซื้อและผู้ขาย โดยในปีนี้มาพร้อมธีมการมีส่วนร่วม (inclusivity) และความยั่งยืน ซึ่งทำให้การจัดงานมีความหมายมากขึ้นไปอีก โดยมุ่งมีบทบาทในการส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของทุกคนในสังคม

โครงการใหม่ด้านความยั่งยืนและสินค้าเพื่อสังคมในมหกรรม 11.11 ปีนี้ประกอบด้วย

•    เพื่อสิ่งแวดล้อม

o    โปรโมตสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม นับเป็นครั้งแรกที่ทีมอลล์ (Tmall) จะเพิ่มส่วนที่แสดงสินค้าประหยัดพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ อีกทั้งยังแจกคูปอง “สีเขียว” มูลค่ารวม 500 ล้านบาทให้กับลูกค้า เพื่อสนับสนุนการซื้อสินค้าที่ส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

o    ร่วมกับแบรนด์ในการลดรอยเท้าคาร์บอน – อาลีบาบาจะทำงานร่วมกับแบรนด์พันธมิตรในปีนี้เพื่อพัฒนาสินค้าที่สร้างรอยเท้าคาร์บอน (carbon footprint) น้อยลง และใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้

o    รีไซเคิลกล่องพัสดุ – ไช่เหนียว เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ของอาลีบาบา ยังเปิดตัวจุดรับรีไซเคิลกล่องบรรจุภัณฑ์ 60,000 จุด ภายในศูนย์บริการของไช่เหนียว 10,000 แห่ง ใน 20 เมืองทั่วจีน ให้ผู้ซื้อนำกล่องพัสดุมารีไซเคิลได้

o    อาลีบาได้เริ่มให้ความสำคัญกับสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่มหกรรมช้อปปิ้งกลางปี 618 ซึ่งในมหกรรม 11.11 ก็ถือเป็นโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยลดรอยเท้าคาร์บอนเช่นกัน โดย หลี่ เช็ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี อาลีบาบา กรุ๊ป คาดว่าเทคโนโลยีสีเขียวของอาลีบาบาจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนต่อหนึ่งคำสั่งซื้อในมหกรรม 11.11 ได้สูงสุด 30% เมื่อเทียบกับงานในปีที่แล้ว

•    ช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการ “สินค้าเพื่อสังคม”

o    โครงการ “สินค้าเพื่อสังคม” หรือ Goods for Good ของอาลีบาบา เริ่มต้นขึ้นในปี 2549 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อก็สามารถช่วยสนับสนุนองค์กรการกุศลที่ชื่นชอบด้วยการซื้อสินค้าจากร้านค้าที่สนับสนุนองค์กรเหล่านั้น

o    นับจนถึงปัจจุบัน โครงการ “สินค้าเพื่อสังคม” ได้ช่วยเหลือองค์กรการกุศลต่างๆ แล้วมากกว่า 3 ล้านครั้ง ทั้งการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และติดตั้งระบบกรองน้ำให้โรงเรียนในชนบท 20,000 โรง รวมถึงเลี้ยงอาหารกลางวันผู้สูงอายุในจีนที่อยู่โดดเดี่ยว 500,000 มื้อ

หลีชิง เฉิน หัวหน้าฝ่ายการตลาดของมหกรรม 11.11 กล่าวว่า มหกรรม 11.11เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อบนแพลตฟอร์มที่มีอยู่มากกว่า 900 ล้านคน และเป้าหมายในการมอบประสบการณ์ค้าปลีกแบบมีปฏิสัมพันธ์และตรงใจ ซึ่งในการเตรียมงานของมหกรรมปีนี้มีแนวทาง 3 ด้านที่อาลีบาบาใช้เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

จุดเด่นของมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ปี 2564

•    เปิดให้พรีเซลล์สินค้าก่อนงานจริง มหกรรม 11.11 ในปีนี้ยังคงเพิ่มการจัดงานเป็น 2 ช่วงเหมือนในปีที่แล้วเพื่อเพิ่มความสนุกในการช้อปปิ้งให้กับผู้บริโภค แต่ที่มากไปกว่านั้นคือการเริ่มเปิดช่วงพรีเซลล์ก่อนเริ่มขายจริง 4 ชั่วโมง คือตั้งแต่ 20.00 น. ตามเวลาจีน ซึ่งเร็วกว่าทุกปีที่จะเริ่มตอนเที่ยงคืน เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องรออยู่จนดึกเพื่อซื้อสินค้า

•    เพิ่มส่วนลดและของแถม มหกรรมในปีนี้เพิ่มการซื้อสินค้าเพื่อรับส่วนลดมากขึ้นได้จากหลายร้าน ลูกค้าจึงสามารถรับส่วนลดมากขึ้นจากการซื้อสินค้าหลายๆ ร้านหรือแบรนด์ได้

•    เพิ่มฟีเจอร์เพื่อแชร์ไปยังเพื่อนและครอบครัว จากความต้องการของผู้บริโภคที่อยากแชร์สิ่งที่ตนซื้อในมหกรรม 11.11 ให้คนอื่นๆ ได้เห็นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ อาลีบาบาจึงเปิดตัวส่วนที่แสดงสินค้าที่พลาดไม่ได้ในมหกรรม 11.11 และฟีเจอร์ที่ผู้ใช้สามารถแชร์ตะกร้าสินค้าไปบนโซเชียลมีเดียของตนได้

ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งให้คนทุกวัย

•    เปิดตัว “โหมดสำหรับผู้สูงวัย” ในแอปเถาเป่า (Taobao) ตามธีมในปีนี้ที่เน้นการมีส่วนร่วมของคนทุกกลุ่ม ก่อนมหกรรม 11.11 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เถาเป่าจึงได้เปิดตัว “โหมดสำหรับผู้สูงวัย” สำหรับผู้สูงอายุที่ซื้อสินค้าบนเถาเป่า ฟีเจอร์นี้ขนาดตัวอักษรและไอคอนที่ใหญ่ขึ้น มีรูปแบบการใช้ไม่ซับซ้อน และมีเทคโนโลยีสั่งงานด้วยเสียงบนแอป

•    แนะนำสินค้าสำหรับคน Gen Z เนื่องจากคนกลุ่ม Gen Z กำลังเข้ามามีบทบาทในการช้อปปิ้งมากขึ้น ทีมอลล์จึงเพิ่มการแนะนำสินค้าที่กำลังมาแรง ซึ่งตรงกับความสนใจของคนกลุ่มนี้ เช่น สินค้าในธีมจีนดั้งเดิม ของเล่นแนวอาร์ต และกล่องสุ่ม

อนิต้า อู๋ ผู้จัดการทั่วไป ทีมอลล์ โกลบอล กล่าวว่า การทำงานของทีมอลล์ โกลบอล ในการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับการช้อปปิ้งข้ามแดน และการจัดการความท้าทายด้านซัพพลายเชน ไปจนถึงการเพิ่มการสนับสนุนและทำงานร่วมกับแบรนด์จากต่างประเทศ เพื่อช่วยให้แบรนด์เหล่านั้นเข้าถึงความต้องการสินค้านำเข้าที่หลากหลายของผู้บริโภคจีน

•    ความต้องการซื้อสินค้านำเข้ามีมากขึ้นในจีน เนื่องจากโรคระบาดทำให้ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ ผู้บริโภคจีนจึงหันมาซื้อสินค้าแบรนด์ต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างทีมอลล์ โกลบอล

o    ตัวอย่างของเทรนด์นี้เห็นได้จากมูลค่าการซื้อสินค้านำเข้าในจีนในระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2564 อยู่ที่ราว 35 ล้านล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา

•    มีพฤติกรรมช้อปปิ้งที่หลากหลายมากขึ้น มีความต้องการซื้อสินค้านำเข้าจากแบรนด์นิช (niche) และสินค้าเฉพาะกลุ่ม ที่หลากหลายกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคชนชั้นกลางที่เป็นผู้หญิงกำลังค่อยๆ เปลี่ยนจากแค่เพียงซื้อของเข้าบ้านให้ครอบครัว เป็นการช้อปปิ้งให้ตนเอง

o    ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับทารกจากฝรั่งเศสแบรนด์หนึ่ง ที่ขายอยู่บนทีมอลล์ โกลบอล พบว่าแชมพูแบบไม่ต้องใช้น้ำมียอดขายเพิ่มขึ้นในกลุ่มแม่ชาวจีน โดยเพิ่มขึ้น 300% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีที่แล้ว

จุดแข็งและนวัตกรรมของทีมอลล์ โกลบอล

•    ความพร้อมในการส่งสินค้าจากต้นทางถึงปลายทาง ทีมอลล์ โกลบอล มีพื้นที่ในคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) หรือพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เก็บสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ถึง 20,000 ตารางเมตร จึงมีศักยภาพด้านซัพพลายเชนสูง ในการจัดเก็บสินค้านำเข้าเพื่อรอส่งผ่านโลจิสติกส์ให้ผู้บริโภคชาวจีน

•    โซลูชั่นที่หลากหลายสำหรับธุรกิจต่างๆ สำหรับแบรนด์ต่างประเทศที่ไม่ได้บริหารจัดการร้านแฟลกชิปเอง ทีมอลล์ โกลบอล ก็มีโซลูชั่นค้าปลีกเต็มรูปแบบที่ช่วยดูแลการดำเนินงานค้าปลีกให้กับแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในจีนด้วย

•    ฟีเจอร์ “ค้นหาสินค้าใหม่” เพื่อสนับสนุนแบรนด์ต่างประเทศ ทีมอลล์ โกลบอล ได้เพิ่มฟีเจอร์แนะนำสินค้าจากผู้บริโภคที่เป็นผู้นำทางความคิด หรือ Key Opinion Consumer เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคจีนได้รู้จักสินค้าใหม่ๆ จากต่างประเทศผ่านวิดีโอสั้นในฟีเจอร์ “New Discoveries”

#อาลีบาบา #มหกรรมช้อปปิ้ง11.11 #ThaiSMEs

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share