กองบรรณาธิการ
Dell EMC PowerStore มาพร้อมซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเวิร์กโหลดต่างๆ สูงถึง 25 เปอรเซ็นต์ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) และแมชชีน เลิร์นนิ่ง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย (cost savings) อีกทั้งช่วยลดความหน่วงของเวิร์กโหลด (workload latency) ลงได้ถึง 15 เปอร์เซ็นต์
เดลล์ เทคโนโลยีส์ เสริมประสิทธิภาพให้กับสายผลิตภัณฑ์เอนเทอร์ไพรซ์ สตอเรจ ซิสเต็มส์ Dell EMC PowerStore ด้วยความสามารถของซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ และระบบอัตโนมัติที่ทรงประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น พร้อมกัน เดลล์ เทคโนโลยีส์ประกาศเปิดตัว PowerStore 500 เครื่องรุ่นใหม่เพื่อรองรับความต้องการการใช้งานของธุรกิจในวงกว้างมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์รูปแบบการใช้งาน (use cases) ที่หลากหลายยิ่งขึ้นด้วยประสิทธิภาพและฟีเจอร์การทำงานในระดับเอนเทอร์ไพรซ์ด้วยราคาที่สามารถจับต้องได้
นายนพดล ปัญญาธิปัตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า การเปิดตัว PowerStore 500 จะช่วยลดอุปสรรคในการเข้าสู่แพลตฟอร์มโดยองค์รวมลงไป ด้วยการทำให้การนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าในประเทศไทยที่เป็นองค์กรธุรกิจขนาดกลาง ตลอดจนถึงองค์กรที่มีโซลูชันปลายทาง (edge) ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
“ข้อมูลมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันเราต้องมีการบริหารจัดการข้อมูล เพื่อตอบสนองความต้องการ การใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) และ แมชชีน เลิร์นนิ่ง (Machine learning) เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytics) ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้อมูลที่มีมากมายมหาศาล ถ้าเราไม่สามารถเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์หรือใช้ปัญญาประดิษฐ์ และแมชชีน เลิร์นนิ่งเข้ามาใช้ในการประมวลผลแล้วข้อมูลนั้นเป็นเพียงเดต้า ไม่สามารถที่จะทำให้เกิดเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ได้ การจัดส่งข้อมูล การเก็บรักษา การออกแบบสถาปัตยกรรมในเรื่องของความปลอดภัย และการที่จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยสำคัญในการที่จะทำให้ธุรกิจสามารถทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ และมีความก้าวหน้าในการที่จะทำธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต” นายนพดล กล่าวและว่า
IDC Research ระบุไว้ว่า ภายในปี 2024 จำนวน 80 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรที่เป็นเอ็นเตอร์ไพร์ส จะมุ่งเน้นเรื่องของการยกเครื่อง หรือ Overhaul โครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอที เพื่อลดความซับซ้อนของการที่จะบริหารจัดการเรื่องไอทีเพื่อให้ง่ายขึ้น รวมถึงจะเน้นเรื่อง ผลลัพธ์ สถาปัตยกรรมไอทีที่จะมาช่วยธุรกิจ สามารถตอบสนองและกลับมาใช้งานได้ทันที หากมีปัญญาเกิดขึ้น รวมถึงเน้นเรื่องทำอย่างไรที่จะทำให้ธุรกิจ สามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่มีการกระทบในเรื่องของ Disruption และเน้นในรื่องของการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อให้มีอยู่ในสถานะที่ดีที่สุด เพื่อรองรับการปรับตัว การรักษาความปลอดภัย และการปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจใหม่ใหม่
นายประหยัด รุ่งสมัยทอง ผู้อำนวยการฝ่าย Presales เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประเทศไทย กล่าวว่า เดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้ส่งมอบ PowerStore ไปสู่ลูกค้าทั่วโลกคิดเป็นปริมาณที่สูงกว่า 400 เพตาไบต์ หรือเทียบเคียงได้กับการจัดเก็บเพลงที่อยู่ในลักษณะของไฟล์ MP3 ที่มากถึง 136 พันล้านเพลง ในกว่า 60 ประเทศให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ การศึกษา เกมมิ่ง การขนส่ง เฮลธ์แคร์ การค้าปลีก และบริการทางการเงิน อย่างไรก็ตาม PowerStore 500 ยังมาพร้อมกับนวัตกรรมซอฟต์แวร์ ที่หลากหลาย อาทิ
การปรับปรุงประสิทธิภาพ: PowerStore รองรับเวิร์กโหลดที่หลากหลายด้วยสถาปัตยกรรมแบบ scale-up และ scale-out สำหรับบล็อค ไฟล์ และVMware vSphere Virtual Volumes ด้วยระบบปฎิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ องค์กรธุรกิจจะได้รับประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นจากเวิร์กโหลดที่อยู่บน PowerStore โดยจะสามารถรองรับปริมาณ IOPS หรือ Input/Output Operations Per Second มากขึ้นถึง 25 เปอร์เซ็นต์
การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย (Infrastructure modernization): PowerStore เพิ่มความสามารถในการใช้งาน NVMe ให้ครอบคลุมทั้งดาต้า เซ็นเตอร์ โดยการเพิ่มตัวเลือก NVMe over Fibre Channel (NVMe-FC) ซึ่งสามารถทำได้โดยเพียงการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่เรียบง่ายและไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม
Scale-out ด้วย AppsON: สตอเรจ อาร์เรย์เดียวของอุตสาหกรรมที่มี VMware ESXi hypervisor ภายในตัว ช่วยให้ลูกค้าเรียกใช้แอปพลิเคชันบนระบบได้โดยตรงโดยใช้ฟีเจอร์ AppsON เพื่อประสิทธิภาพ ความคล่องตัวและการควบรวมปริมาณเวิร์กโหลดที่ดียิ่งขึ้น การ scale-out และการจัดคลัสเตอร์อุปกรณ์ใน AppsON ช่วยเพิ่มพลังในการประมวลผลสำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้ความสามารถและประสิทธิภาพของระบบจัดเก็บข้อมูลเป็นอย่างมาก อาทิ การใช้งานในกลุ่มเฮลธ์แคร์ และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ หรือบิ๊ก ดาต้า
#เดลล์ #Dell #PowerStore500 #ThaiSMEs
