กองบรรณาธิการ
บราเดอร์ ปรับกลยุทธ์ขยายธุรกิจสู่กลุ่มตลาดใหม่ พัฒนาศักยภาพสินค้า เพิ่มช่องทางขาย เสริมกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อตอบโจทย์ความต้องการอย่างตรงจุด พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีพร้อมรองรับงานบริการควบคู่กับการก้าวสู่ Green Office สำนักงานสีเขียว
นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาแม้จะต้องเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 บราเดอร์ ยังคงสร้างรายได้ให้เติบโตจากปี 2563 ด้วยการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ 3C ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับ Customer, Channel และ Company ให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในเวลาอันรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง บราเดอร์ยังได้ปรับรูปแบบการทำงานที่เน้นเรื่อง Speed และ Resilience เข้ามาเสริมด้วย เพื่อพร้อมทำงานได้อย่างฉับไว สามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เพราะภาพรวมตลาดในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การทำงานจึงต้องเปลี่ยนรูปแบบสู่ customize style มากยิ่งขึ้น
“การเรียนรู้ที่จะปรับตัวทำให้วันนี้ บราเดอร์ ผ่านวิกฤติและสร้างการเติบโตในปีที่ผ่านมาได้สำเร็จ วันนี้บราเดอร์ไม่ได้ขายแค่สินค้าเพียงอย่างเดียว แต่เราเปลี่ยนวิธีคิดในการทำธุรกิจโดยหันมานำเสนออาชีพใหม่ที่สามารถสร้างรายได้และเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่อาชีพเดิมของลูกค้าในปัจจุบันด้วยเช่นกัน สิ่งนี้ทำให้เรายังเติบโตได้แม้ต้องเจอกับวิกฤติระดับโลก ธุรกิจหลักอย่างเครื่องพิมพ์ มีอัตราเติบโตจากการปรับการทำงานสู่โมเดล work from home หรือ work from anywhere ทำให้ตลาดต้องการเครื่องพิมพ์ขนาดย่อมลงมาเพื่อให้พนักงานใช้ทำงานได้ที่บ้าน หรือแม้กระทั่งการเรียนออนไลน์ หรือการเกิดใหม่ของธุรกิจขนาดเล็กที่หลายคนไม่คาดคิด ก็ดูเหมือนจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา” นายธีรวุธ และว่า
จักรเย็บผ้าก็ถือเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่เป็นที่ต้องการสูงสุดรวมถึงเครื่องพิมพ์ผ้ารุ่น GTX ที่สร้างอัตราการเติบโตสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ หรือเครื่องเสียงคาราโอเกะ BMB สามารถขยายตลาดสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ได้ด้วย นับเป็นอีกก้าวที่ท้าทายที่บราเดอร์ตั้งใจพัฒนาเพื่อเติบโตในตลาดใหม่
อย่างไรก็ตาม การเกิดโรคระบาด โควิด-19 สร้างความต้องการของตลาดใหม่ บราเดอร์ คาดว่าปี 2564 ตลาดเครื่องพิมพ์ยังคงมียอดขายรวมใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าในปี 2564 ภาพรวมตลาดเครื่องพิมพ์จะเติบโตในทุกเซกเม้นท์ และอีกหนึ่งสินค้าที่ได้รับอานิสงค์คือ จักรเย็บผ้า ที่มียอดขายสูงขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ในปีงบประมาณ 2563 และอัตราการเติบโตก็ปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพิ่มจากการทำหน้ากากผ้ามาเป็นงาน DIY เพื่อจำหน่ายเป็นอาชีพหลักหรือทำเป็นอาชีพเสริม โดยบราเดอร์จะเน้นเป็นการขายสินค้าในเชิงการลงทุนเพื่อให้เกิดรายได้ ให้ลูกค้าทราบถึงวิธีการทำธุรกิจโดยใช้สินค้าของบราเดอร์ และชี้ช่องทางให้สามารถทำธุรกิจด้วยตนเองเพื่อช่วยลดปัญหาการว่างงานที่เกิดจากวิกฤติโควิด-19 โดยในปี 2564 บราเดอร์จะเน้นสร้างการเติบโตทั้งส่วน personal use ที่ใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบราเดอร์เพื่อเป็นงานอดิเรกหรือใช้เพื่อทำธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็ก และกลุ่ม business use ที่นำไปใช้ทำธุรกิจเต็มรูปแบบ โดยในปีนี้บราเดอร์คาดว่าจะมียอดรายได้จากกลุ่มคอร์ปอเรทหรือบีทูบีอยู่ที่ 25 เปอร์เซ็นต์ และจากกลุ่มคอนซูมเมอร์อยู่ที่ 75 เปอร์เซ็นต์ โดยจะมีรายได้จากการให้บริการในรูปแบบสมาชิกหรือ subscription สำหรับลูกค้าสนใจที่ต้องการใช้บริการพรินเตอร์ครบวงจรด้วย สำหรับสัดส่วนรายได้ในปีที่ผ่าน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากคอร์ปอเรทที่ 20 เปอร์เซ็นต์และกลุ่มคอนซูมเมอร์ที่ 80 เปอร์เซ็นต์
เดินหน้าขยายโอกาสทางธุรกิจ พัฒนาความพร้อมของทีมขาย เพิ่มศักยภาพสินค้าพร้อมนำเสนอโซลูชั่นเพื่อพร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์
นายณเอก สงศิริ รักษาการผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแผนการพัฒนากลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบราเดอร์ในปีงบประมาณ 2564 ว่า การดำเนินธุรกิจของ บราเดอร์ จะประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ กลยุทธ์ที่ 1 Expansion ที่มุ่งขยายใน 3 แนวทาง คือ 1. ขยายไปยังกลุ่มธุรกิจ B2B แบบเจาะลึกยิ่งขึ้น ต่อยอดความสำเร็จที่บราเดอร์ทำได้ดีอยู่แล้วให้พัฒนามากยิ่งขึ้นไปอีก โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจ Healthcare, Retail, Logistic และ Finance 2. การขยายสู่ตลาดใหม่ ด้วยการนำเสนอให้เห็นถึงประโยชน์ของสินค้าบราเดอร์ที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจของลูกค้าให้เติบโตยิ่งขึ้น อาทิ ธุรกิจด้านการศึกษาที่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากอดีตสู่การเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ทำให้ความต้องการอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นกลุ่มตลาดใหม่ 3. การนำเสนอ Tailor made solution ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือก business model ที่ตอบโจทย์ได้สูงสุด กลยุทธ์ที่ 2 Develop ที่จะพัฒนาใน 3 ส่วน คือ 1. การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยการขยายช่องทางการขายใหม่ๆ โดย จะเน้นให้ความรู้ในการพัฒนาธุรกิจด้าน e-commerce เพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารช่องทางการขายระหว่างออฟไลน์และออนไลน์อย่างเหมาะสมกับแต่ละสภาพตลาด 2. การนำศักยภาพของผลิตภัณฑ์มาพัฒนาเป็น Solution ใหม่ๆ นำเสนอสู่ตลาด เช่น Trackmo ซอฟต์แวร์ที่บราเดอร์พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการตรวจสอบทรัพย์สินโดยเพิ่มประสิทธิภาพของ P-Touch ให้เป็นได้มากกว่าเครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์ 3. การพัฒนา Customized service model ปัจจุบันบราเดอร์ได้นำแนวคิด Brother one เข้ามาใช้เพื่อประสานความร่วมมือในการเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าและส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ เพื่อความพึงพอใจสูงสุด และกลยุทธ์สุดท้ายคือ Communication บราเดอร์ต้องการจะพัฒนาศักยภาพในการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้นเริ่มจาก
1. สื่อสารให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย โดยได้พัฒนา content ที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมายเพื่อประสิทธิภาพในการสื่อสาร
2. สื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายเห็นถึงความพร้อมของบราเดอร์ ที่สามารถส่งมอบบริการได้ตรงตามความต้องการ
และ 3. การให้ความสำคัญกับ Customer voice อย่างต่อเนื่อง โดยยึดปรัชญาการดำเนินธุรกิจ ‘at your side’ เพื่อนำเอาสิ่งที่ได้รับรู้จากตลาดในภาพรวม มาปรับปรุงในทุกส่วนทั้งด้านบริการ ด้านการนำเสนอ Solution ต่างๆ ให้ตรงตามความต้องการมากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่ออย่างยิ่งว่า หากบราเดอร์สามารถดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์หลักทั้ง 3 ที่วางไว้นี้ จะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแน่นอน
ย้ำภาพเบอร์ 1 ด้านงานบริการ เตรียมนำนวัตกรรมเสริมศักยภาพทีม พร้อมรองรับการเติบโต
ในปีที่ผ่านมา แม้บราเดอร์ต้องเผชิญกับสถานการณ์ COVID-19 แต่ทีมบริการก็สามารถส่งมอบบริการคุณภาพแก่ลูกค้าได้ปกติ เนื่องจากมีการพัฒนาระบบให้รองรับการทำงานแบบ work from home นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มบริการผ่าน Live Chat ที่สามารถตอบแชทของได้อย่างรวดเร็วและให้บริการได้เกินความคาดหมายของลูกค้า สร้างความสะดวกยิ่งขึ้นเสริมจากบริการพื้นฐานของ Brother Contact Center ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน “Chatbot ของบราเดอร์ถูกพัฒนาให้สามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างแม่นยำเพื่อใช้เป็นส่วนบริการแรกที่ติดต่อกับลูกค้า หากกรณีที่ลูกค้า ขอคำปรึกษามีความซับซ้อน ระบบจะทำการโอนการสื่อสารไปยังพนักงาน Brother Contact Center ทันที โดยในอนาคต บราเดอร์ต้องการให้ปริมาณการรับบริการผ่าน Chat และ Chatbot มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นช่องทางที่เข้าถึงง่าย รวดเร็ว และสะดวกสบายกว่า ทั้งยังส่งข้อมูลที่มีความหลากหลายทั้งข้อความ รูปภาพ วิดีโอลิ้งค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อว่าหากมีการให้คำแนะนำลูกค้าอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ Chat ratio เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังที่เราตั้งเป้าหมายไว้ ล่าสุด บราเดอร์ ได้ผ่านการรับรองคุณภาพการให้บริการ SQI ระดับ Gold จากสถาบัน Service Quality Institution และความสำเร็จดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดไปสู่ศูนย์บริการแต่งตั้งของบราเดอร์ต่อไป พร้อมพัฒนาศูนย์บริการให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆ ด้านเพื่อก้าวสู่ระดับ Platinum
ในส่วนงานบริการในอนาคต นายวรศักดิ์ ประดิษฐ์กุล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บราเดอร์ Upgrade คุณภาพงานบริการ พัฒนาบริการใหม่ๆ ตอบไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบัน และบราเดอร์ มั่นใจประสิทธิภาพงานบริการในปัจจุบันยังรองรับการขยายตัวทางธุรกิจได้อย่างดีด้วยปริมาณศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 141 แห่งประกอบกับการทุ่มงบประมาณในการวางระบบเทคโนโลยีอันทันสมัย รวมถึงการพัฒนาทักษะด้านงานบริการของทีมเป็นประจำทุกเดือน ทำให้บราเดอร์พร้อมรองรับการเติบโตขององค์กรได้อย่างมีศักยภาพ นอกจากนี้บราเดอร์ ได้พัฒนา product ด้านงานบริการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่วงมาตรการ social distancing อาทิ ‘Brother Care Express’ จึงเกิดขึ้นโดยทีมบริการจะเข้าไปรับสินค้าที่ต้องการส่งซ่อม และเมื่อซ่อมเสร็จก็จะส่งคืนให้แก่ลูกค้าเพื่อลดความเสี่ยงช่วงโควิด-19 รวมถึง Brother Care Pack บริการเสริมต่อระยะเวลาดูแลหลังการขาย เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้าในแต่ละประเภท เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า และจะเพิ่มบริการให้กับลูกค้าที่มาส่งซ่อมและไม่สะดวกในการรับเครื่องกลับด้วยบริการ delivery ด้วย
นายธีรวุธ กล่าวว่า ในสิ้นปีงบประมาณ 2564 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้โดยรวมเพิ่มมากขึ้นประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจพรินเตอร์ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ และมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจ คอร์ปอเรท 25 เปอร์เซ็นต์และคอนซูมเมอร์ 75 เปอร์เซ็นต์
#บราเดอร์ #ขยายธุรกิจสู่กลุ่มตลาดใหม่ #พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี #GreenOffice #สำนักงานสีเขียว
#บราเดอร์คอมเมอร์เชี่ยลประเทศไทย #โควิด19 บราเดอร์ #กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ3C #SpeedและResilience