กองบรรณาธิการ
SCB PRIVATE BANKING สานต่อยุทธศาสตร์องค์กรผลักดันธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) หนึ่งในธุรกิจหลักสำคัญที่จะสร้างการเติบโตให้กับธนาคารทดแทนรายได้แบบเดิม โดยเน้นการเพิ่มรายได้ที่มาจากการลงทุน พร้อมชูกลยุทธ์รุกตลาดไพรเวทแบงก์กิ้ง ภายใต้แนวคิด “BEAT THE BENCHMARK” ผ่าน 3 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ 1) Wealth Preservation วางแผนต่อยอดความมั่งคั่งส่วนบุคคลให้กับลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและทีมที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนส่วนบุคคลระดับมืออาชีพ 2) Wealth Creation บริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจ เน้นการสร้างความมั่งคั่งในทุกโอกาสการลงทุนแบบใหม่ เสริมสร้างสภาพคล่องเพื่อสร้างความมั่งคั่ง และ3) SCB Financial Group ผสานความแข็งแกร่งของกลุ่มไทยพาณิชย์ ครบเครื่องทั้งด้านองค์ความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ของทีมงานระดับมืออาชีพ ครอบคลุมเรื่องการเงิน การลงทุน และการทำธุรกิจ ตั้งเป้าสิ้นปี 2566 มี AUM แตะระดับ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มขีดความสามารถด้านการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงสุดที่เหมาะกับความเสี่ยงของลูกค้า และนำไปสู่การสร้างมาตรฐานใหม่ที่สามารถครองใจลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้งของเมืองไทย
นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ภาพ รวมเวลธ์ทั่วโลก มีการคาดการณ์ว่าในปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตกว่าปีละ 7 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2561 โดยเฉพาะในจีน และกลุ่มเอเชียแปซิฟิค1 ธุรกิจเวลธ์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าทรัพย์สินมีโอกาสเติบโตปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะในกลุ่มบุคคลที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (High Net Worth Individuals/ HNWIs) ขึ้นไป2 ไทยพาณิชย์มองเห็นโอกาสจากการเติบโตของตลาดและจากการเป็นสถาบันการเงินอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ที่มีฐานลูกค้าบุคคลมากกว่า 16 ล้านคน และมีฐานเงินฝากติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ ทำให้ไทยพาณิชย์สามารถต่อยอดในการทำธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) และสามารถช่วยวางแผนการเงินให้กับลูกค้าได้เต็มรูปแบบและครบวงจร ที่สำคัญธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) นับเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์องค์กรที่สร้างการเติบโตให้กับธนาคารอย่างยั่งยืนทดแทนธุรกิจเดิม
“ตั้งแต่ปี 2560 เราได้ดำเนินการตามแผน Wealth Transformation จนกระทั่งในปี 2563 ที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจของ SCB Wealth ทำรายได้โตสวนกระแสทั้งธุรกิจการลงทุนและธุรกิจประกัน สร้างผลกำไรให้กับธนาคารกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 56 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ที่มาจากค่าธรรมเนียม และด้วยความสามารถในการให้คำปรึกษา ธนาคารจึงได้วางเป้าหมายธุรกิจเวลธ์ในอีก 3 ปีข้างหน้า ภายใต้แนวคิด “BEAT THE BENCHMARK” ที่มาจากการให้ความสำคัญต่อการได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้กับไทยพาณิชย์
นายณรงค์ ศรีจักรินทร์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมของ SCB Wealth มีฐานลูกค้าจำนวนกว่า 300,000 ราย โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ลูกค้า SCB PRIME มีสินทรัพย์ 2-10 ล้านบาท กลุ่ม SCB FIRST มีสินทรัพย์ 10-50 ล้านบาท และกลุ่ม SCB PRIVATE BANKING มีสินทรัพย์ 50 ล้านบาทขึ้นไป และเพื่อเป็นการขานรับยุทธศาสตร์องค์กรในการผลักดันธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) หนึ่งในธุรกิจหลักสำคัญที่จะสร้างการเติบโตให้กับธนาคารอย่างยั่งยืน
สำหรับกลยุทธ์หลักของกลุ่มธุรกิจ SCB Wealth ในปี 2564 จะโฟกัสและมุ่งเน้นการเติบโตของเซกเมนต์ไพรเวท
แบงก์กิ้ง ด้วยการเปิดตัวโฉมใหม่ของธุรกิจ SCB PRIVATE BANKING กับกลยุทธ์ในการให้คำปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญครบวงจรและเต็มรูปแบบ
ดร.เมธินี จงสฤษดิ์หวัง รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน PRIVATE BANKING ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2564 นี้ SCB PRIVATE BANKING ยึด 3 กลยุทธ์แกนหลักอันเป็นหัวใจสู่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่
1. Investment Solutions for Wealth Preservation วางแผนต่อยอดความมั่งคั่งส่วนบุคคลให้กับลูกค้า ด้วยทีมที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนส่วนบุคคลระดับมืออาชีพ จัดพอร์ตการลงทุนให้ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์อย่างทันท่วงที โดยใช้เครื่องมืออันชาญฉลาดที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (data intelligence and optimization tools) รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายครบวงจร ทันกับสภาวะตลาดและเศรษฐกิจในรูปแบบของ Open Architecture เพื่อเข้าถึงทุกการลงทุนทั้งในและต่างประเทศในสินทรัพย์หลากหลายประเภท กว่า 10,000 หลักทรัพย์และกองทุน ไม่ว่าจะเป็น Public assets หรือ Private assets โดยปัจจุบันเชื่อมต่อถึง 19 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนในไทย 23 ตลาดหลัก ๆ ทั่วโลก รวมไปถึง มี Discretionary Portfolio Management อีกด้วย เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
2. Business Solutions for Wealth Creation บริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจอย่างครอบคลุมรอบด้าน เน้นการสร้างความมั่งคั่งในทุกโอกาสการลงทุนแบบใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยนำเสนอโซลูชันใหม่ ๆ ที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างสภาพคล่องหรือสร้างเงินใหม่ให้กับลูกค้า เช่น สินเชื่อเพื่อการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ SCB Property Backed Loan สินเชื่อเพื่อใช้ในการบริหารความมั่งคั่ง ที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2563 ที่ผ่านมา สำหรับใช้เพิ่มกระแสเงินสด เพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดทุกจังหวะการลงทุน
3. SCB Financial Business Group ผสานความแข็งแกร่งของกลุ่มไทยพาณิชย์ ที่ครบเครื่องทั้งด้านความรู้ และความชำนาญเพื่อเปิดกว้างด้านการลงทุน ครอบคลุมเรื่องธุรกิจ เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า โดย SCB PRIVATE BANKING เป็นตัวแทนทุกกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อยกระดับประสบการณ์การบริหารและสร้างความมั่งคั่งให้แก่ลูกค้าในทุก ๆ ช่องทาง
“หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของไทยพาณิชย์ คือ การขยายฐานลูกค้ากลุ่มไพรเวทให้เติบโตไปพร้อมกับก้าวใหม่ของธนาคาร มุ่งมั่นพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินแบบครบวงจร บริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจอย่างครอบคลุมรอบด้านจากบุคลากรระดับมืออาชีพ และความแข็งแกร่งของกลุ่มไทยพาณิชย์ จะสามารถบริหารความมั่งคั่งที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า คาดว่าภายใต้ 3 กลยุทธ์หลักของ SCB PRIVATE BANKING ที่มุ่งพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำธุรกิจจะช่วยผลักดันให้ภายในสิ้นปี 2566 จะมี AUM แตะที่ระดับ 1 ล้านล้านบาท สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงสุดที่เหมาะกับความเสี่ยงของลูกค้า และนำไปสู่การสร้างมาตรฐานใหม่ที่สามารถครองใจลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้งของเมืองไทย” ดร.เมธินี กล่าว
#SCB #ไพรเวทแบงก์กิ้ง #AUMแตะ1ล้านล้านบาท #SCBPRIVATEBANKING #ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง #WealthManagement #BEATTHEBENCHMARK #Wealth Preservation #WealthCreation #SCBFinancialGroup