เสี่ยวหมี่ เปิดตัว Mi 11 ตั้งเป้าขึ้นแท่นอันดับ 3 สมาร์ทโฟนในไทย

จิรพรรณ บุญหนุน

กองบรรณาธิการ

มร. คามัล เหลียง ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสี่ยวหมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย เป็นหนึ่งในตลาดที่เสี่ยวหมี่ให้ความสำคัญอย่างมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ มีการพัฒนาเครือข่ายเทคโนโลยี 5G รวมถึธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีการเติบโต เป็นตลาดที่มีการใช้และเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเสี่ยวหมี่ได้นำเสนอสมาร์ทโฟน และสินค้า AIOT (Artificial intelligence- Internet of thing) ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง โดยในส่วนของสมาร์ทโฟน เสี่ยวหมี่ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงใหม่ที่สามารถรองรับเครือข่าย 5G คือ Mi 11 เป็นสมาร์ทโฟนเรือธง 5G รุ่นล่าสุดของ Mi Series ภายใต้แนวคิด ‘Movie Magic’ มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 พร้อมด้วยชุดกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ระบบบันทึกเสียงแบบภาพยนตร์ และระบบเสียงอันทรงพลังจาก Harman Kardon และการรองรับการชาร์จไร้สายสูงสุด 50W ในดีไซน์พรีเมียม ให้ Mi 11 เป็นเสมือนโรงถ่ายภาพยนตร์ในมือ ภายใต้แนวคิด Movie Magic พร้อมเปิดให้พรีออเดอร์จับจองเป็นเจ้าของตั้งแต่ 26 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2564 ในราคาเริ่มต้นที่ 21,990 บาท และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับกลางที่รองรับเครือข่าง 5G ในราคาที่ต่ำกว่า 10,000 บาท เพื่อขยายฐานตลาดมากยิ่งขึ้น

“เสี่ยวหมี่มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เพื่อรองรับ 5G ซึ่งเป็นสิ่งที่เราโฟกัสมากๆและเสี่ยวหมี่ได้พัฒนาโทรศัพท์มากกว่า10 รุ่น ใน 5G Lab มีการทดลอง 5G เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ยังได้ทดลองสัญญาณที่มีประสิทธิภาพ มีการทดลองความเสถียรหน้าจอสมาร์ทโฟนในหลายรูปแบบทั้งในช่วงกลางวัน กลางคืน เพื่อพัฒนาหน้าจอที่มีประสิทธิภาพ ” มร.เหลียง กล่าว

มร. เหลียง กล่าวต่อว่า ในส่วนของสินค้า AIOT บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้สมาร์ทโฟนและสินค้า AIOT ของเสี่ยวหมี่ที่มีมากกว่า 1,000 รายการสามารถทำงานร่วมกันได้ โดยสินค้า AIOT ที่เสี่ยวหมี่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีมากกว่า 200 รายการ บริษัทมีแผนที่จะนำสินค้าใหม่เข้ามาขยายตลาดในประเทศไทยอย่างน้อยเดือนละ 1 รายการ

นอกจากนี้เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนและ AIOT ในประเทศไทย บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเสี่ยวหมี่ ช็อป จาก 30 แห่งในปัจจุบัน เป็นมากกว่า 100 แห่ง เสี่ยวหมี่ยังมีแผนที่จะเพิ่มจุดขายจาก 4,000 จุด เป็น 8,000 จุดทั่วประเทศ มีการขยายในส่วนของบริการหลังการขาย เซอร์วิส เซ็นเตอร์จาก 12 แห่ง เพิ่มขึ้นเป็น 25 แห่ง ให้บริการโทรฟรีสำหรับคคอลล์ เซ็นเตอร์ รวมถึงเพิ่มงบประมาณด้านการตลาดมากขึ้นภายในสิ้นปีนี้ และในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้บริษัทยังจะเปิดบริการใหม่ คือบริการรับสินค้าที่ต้องการซ่อมจากบ้านลูกค้า (Door-to-door service) ด้วย

มร. เหลียง กล่าวว่า  ในปีที่ผ่านโตเสี่ยวหมี่มีการเติบโตในตลาดระดับบนมากกว่า 3,639 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า 36 เท่าและอัตราการเติบโตมากที่สุดเมื่อเทียบปีต่อปีและการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนระดับบนมากที่สุดในโลก สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยปีที่ผ่านเสี่ยวหมี่มีอัตราการเติบโตที่ 234 เปอร์เซ็นต์ สามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนอยู่อันดับ 4 ของตลาดและบริษัทคาดว่าจะสามารถทำตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ในอันดับ 3 ในอนาคต บริษัทในอีก 5 ปีข้างหน้ามีแผนที่จะลงทุน 5 หมื่นล้านหยวน ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G และ AIOT  เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

“เสี่ยวหมี่มีอัรตราการเติบโตมากที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟนระดับบน โดยมีการเติบโตของสมาร์ทโฟนตลาดบนทั่วโลกอยู่ที่ 3,639 เปอร์เซ็นต์ หรือ 36 เท่า จากตลาดทั่วโลก ขณะที่สมาร์ทโฟนตลาดบนในประเทศไทยมีการเติบโตที่ 234 เปอร์เซ็นต์” มร. เหลียง กล่าว

#เสี่ยวหมี่ #Mi11 #สมาร์ทโฟน5G #AIOT

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share