ยูทูปเบอร์ เฟสบุ๊ค เว็บไซต์ ช่วยดันตลาด
นภาพร ไชยขันแก้ว
กองบรรณาธิการ
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิท ย่าเต๋งโฮมสเตย์ ธุรกิจรีสอร์ท บางแสน จังหวัดชลบุรี ต้องปิดให้บริการเป็นเวลา 3 เดือนเมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้รายได้ตกไปอยู่ที่ศูนย์เปอร์เซ็นต์ทันที หลังจากที่สถานการณ์เริ่มผ่อนคลาย ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ “เปิดลานกางเต๊นท์” ลูกค้าตอบรับผ่านกระแสยูทูปเบอร์ เฟสบุ๊ค ไลน์ และเว็บไซต์
ย่าเต๋ง โฮมสเตย์เริ่มทำธุรกิจรีสอร์ทในปี 2559 บนพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ใช้งบประมาณ 12 ล้านบาท ซื้อที่ดิน สร้างบ้านพัก 5 หลัง และอาคารสัมมนา ที่รองรับได้ 120 คน รีสอร์ทย่าเต๋งฯ ปกคลุมไปด้วยแมกไม้หลายชนิด และติดริมน้ำห้วยท่าทรายที่ใส สะอาด ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทำให้มีนกหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่ อาทิ นกเหงือกเหยี่ยวเทา กาเหว่าหางพวง แก้วโม่งขุนทอง และยังมีพญากระรอก กระแต กระเร็น
รีสอร์ทฯ ยังอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง สวนสัตว์เปิดเขาเขียว น้ำตกซันตาเถร อ่างเก็บน้ำบางพระ
ลูกค้าจากหลายภาคส่วนจึงนิยมมาใช้บริการ กลุ่มราชการ บริษัทฯ จากนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มปฏิบัติธรรม นับได้ว่าในช่วง 2-3 ปีแรกรีสอร์ทฯ เป็นช่วงเติบโตของธุรกิจ ทำให้ตัดสินใจซื้อที่ดินเพิ่มอีกประมาณ 10 ไร่
แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ต้นปี 2563 การระบาดของโรคโควิท หรือ ไวรัสโคโรนา ที่เริ่มต้นจากประเทศจีน เชื้อได้แพร่กระจายไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยและคร่าชีวิตผู้คนได้อย่างง่ายดาย ธุรกิจที่กำลังเฟื่องฟูของย่าเต๋งโฮมสเตย์ อยู่ในหมวดของธุรกิจท่องเที่ยวดับวูบลงทันที รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ ในประเทศไทย
ย่าเต๋งฯ ต้องปิดบริการตัวเองทันทีเป็นเวลา 3 เดือน (มีนาคม-พฤษภาคม 2563) ส่งผลกระทบไม่มีรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าวแม้แต่บาทเดียว
“เรากลัวโควิทมาก กลัวจะเป็นแหล่งแพร่กระจาย อีกอย่างเราต้องการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่อหยุดเชื้อก่อน” นางสาว นันทพัฒน์ เสมอวงษ์ เจ้าของย่าเต๋ง โฮมสเตย์ กล่าว
ในส่วนของพนักงานประมาณ 5-7 คน ไม่ได้ให้ลาออก แต่ปรับเปลี่ยนการทำงานให้มาปลูกต้นไม้ ดูแลสวนแทน ส่วนเงินทุนที่ใช้หล่อเลี้ยงในช่วงปิดบริการ เป็นเงินสำรองที่มีอยู่ และโชคดีที่ไม่มีภาระหนี้สินจากเงินกู้
เข้าเดือนพฤษภาคม กลุ่มลูกค้าปั่นจักรยานเป็นกลุ่มแรกที่เริ่มเดินทางท่องเที่ยว และได้แนะนำย่าเต๋งฯ เปิดบริการกิจกรรมแคมปิ้ง เพราะสถานที่กว้างขวาง ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้
คำแนะนำได้จุดประกายให้คุณนันทพัฒน์ ขยายบริการให้ลูกค้ามากางเต๊นท์ ทำอาหารรับประทานเอง และไม่ได้คาดการณ์ว่าจะได้รับความนิยมมากน้อยเพียงใด
แต่ผลตอบรับกลับเกินคาด เพราะนักท่องเที่ยวเริ่มมองหาสถานที่ท่องเที่ยวโล่ง โปร่ง มีน้ำ ไฟฟ้า และห้องน้ำสะอาด บรรยากาศไม่อึดอัด การเที่ยวแบบกางเต๊นท์ จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มครอบครัว ได้เป็นอย่างดี
“ไม่เคยคิดว่ากางเต๊นท์ จะได้รับความนิยมขนาดนี้ เต๊นท์ที่ลูกค้านำมาจะมีหลากหลายแบบ ลูกค้าเตรียมไฟ โต๊ะ เก้าอี้ จักรยาน อาหารมาเอง เราไม่มีประสบการณ์ให้บริการกางเต๊นท์มาก่อน ส่วนใหญ่ก็ฟังลูกค้าเป็นหลักว่าต้องการอะไร เราก็ทำเพิ่ม” คุณนันทพัฒน์เล่าให้ฟัง
และยิ่งนักท่องเที่ยวในปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ค นิยมถ่ายรูปและแชร์ให้กับกลุ่มเพื่อนๆ ผ่านไลน์ เฟสบุ๊ค ยูทูป โดยเฉพาะยูทูปเบอร์ (youtuber) สายท่องเที่ยวจะนิยมถ่ายเป็นวิดีโอผ่านโดรน มองเห็นทัศนียภาพมุมสูง ทำให้ย่าเต๋ง โฮมสเตย์ กลายเป็นจุดกางเต็นท์ ติด 1 ใน 10 ของจังหวัดชลบุรี ที่ลูกค้านิยมมาพักผ่อน
“เกือบจะทุกเต๊นท์ จะ Live สด เริ่มตั้งแต่เลือกจุดกางเต้นท์ สอนวิธีกางเต้นท์ ทำอาหาร กลุ่มลูกค้าจะหลากหลาย คู่รัก ครอบครัวพ่อ แม่ ลูก และครอบครัวใหญ่ มี ปู่ ย่า ตา ยาย หลาน มาด้วย บรรยากาศค่อนข้างอบอุ่น”
ปลูกต้นไม้เพิ่ม
หลังจากที่รายได้เริ่มเข้ามา และมองว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิทจะดีขึ้นตามลำดับหลังจากได้รับวัคซีน ย๋าเต๋งฯ วางแผนจะปลูกต้นใหญ่ให้มากขึ้น รวมถึงปลูกพืชผัก สวนครัว พริก มะเขือเทศ กระเพรา ให้ลูกค้านำไปปรุงอาหารได้ฟรี โดยจะไม่เน้นก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใหญ่ๆ เพื่อรักษาธรรมชาติให้มากที่สุด
“จากที่ฟังลูกค้า เมื่อเทียบกับไปพักกางเต๊นท์ตามอุทยานแห่งชาติต่างๆ แล้ว เขาบอกว่ามันมีระยะทางที่ไกล ขับรถนานทำให้เหนื่อยล้า แม้จะเก็บค่าบริการ 20 บาทต่อหัวก็ตาม แต่ที่ของเราอยู่ใกล้กรุงเทพ บรรยากาศเป็นป่าล้อมรอบ จึงเป็นเหตุผลให้ลูกค้าเดินทางมาอีกหลายครั้ง”