แสนสิริ ประกาศพันธมิตรก้าวสำคัญผนึก “ชาเม่” (CHAME’) ผู้นำด้านสุขภาพและความงาม เตรียมสยายปีกรุกตลาดแมสทั่วประเทศ ลุยเจาะฐานลูกค้าใหม่พร้อมปั้นภาพแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายและต่อยอดภาพผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญกับ Well-Being ชูผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ฉีกทุกกรอบการทำตลาดอสังหาฯ สายงานการตลาดองค์กร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “จากวิสัยทัศน์ Speed-to-market และคิดนอกกรอบ แสนสิริ สร้างเซอร์ไพรส์ใหม่ให้แก่วงการอสังหาฯในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมาร่วมมือกันได้ เดินหน้าจับมือพันธมิตรรายล่าสุด “ชาเม่” (CHAME’) ผู้นำด้านสุขภาพและความงามของไทย ธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาด Mass และ Premium mass นับเป็นการข้ามวงการอสังหาฯ–สุขภาพและความงาม เพื่อร่วมกันสร้างมิติใหม่แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ โดยนำผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามสู่การสร้างประสบการณ์ การอยู่อาศัย (Living Experience) ตอบโจทย์กระแสคนรักสุขภาพและ Well-Being มากขึ้น รุกเจาะฐานการตลาดลูกค้าระดับแมส เซ็กเมนต์ เรียลดีมานด์ที่แท้จริง ผ่านแบรนด์และฐานการตลาดที่แข็งแกร่งของชาเม่ ต่อยอดยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ในปีนี้ ภายใต้ “Made for Life…Made for Everyone” สู่การเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เพื่อสร้างภาพแบรนด์ที่จับต้องง่ายขึ้น โดยสร้างความแปลกใหม่ส่งเสริมสีสันการทำการตลาด ให้แสนสิริ สร้างการรับรู้และจดจำ แก่กลุ่มฐานลูกค้าระดับแมสได้มากขึ้น ควบคู่กับการทำแคมเปญการตลาดของแสนสิริร่วมกัน ในปีที่ผ่านมา แสนสิริ สร้างยอดขายโครงการระดับ Mass segment รวมมูลค่ากว่า 8,700 ล้านบาท และมุ่งมั่นเดินหน้า
สู่การเป็นผู้นำตลาดแนวราบใน 3 ปีผ่านกลยุทธ์ที่มุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายทั้งการโฟกัสในตลาดกลุ่มใหญ่ที่มีดีมานต์ (Mass Market) ด้วยการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ สิริ เพลส อณาสิริ และ สราญสิริ เจาะกลุ่มเรียล ดีมานต์ และคนที่อยากมีบ้านหลังแรก ตลอดจนกลยุทธ์ Multi-Channel ซื้อขายครบในทุกช่องทาง ซื้อและเยี่ยมชมโครงการง่ายแค่ปลายนิ้ว ด้วยศักยภาพของตลาดอสังหาฯระดับ Mass Market ที่มีความต้องการเฉลี่ยปีละสูงถึง 250,000 ล้านบาท จึงทำให้แสนสิริ มองเห็นโอกาสในการรุกขยายฐานลูกค้าเพื่อช่วงชิงสัดส่วนการตลาดที่เพิ่มขึ้น เพื่อมุ่งสู่เป้ายอดขายโครงการแนวราบ 15,900 ล้านบาท และเป้ายอดโอน 15,400 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ แสนสิริ มีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบในปี 2563 ทั้งหมด 12 โครงการ รวมมูลค่า 15,200 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรเจคต์อีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,600 ล้านบาท และมิกซ์โปรดักส์อีก 1 โครงการ
เราจึงเดินหน้าต่อครองใจตลาดด้วยกลยุทธ์ Unexpected Marketing โดยเตรียมวางแผนเพื่อสร้างเซอร์ไพรส์ที่เคยไม่มีก่อนในเมืองไทยผ่านความร่วมมือใหม่ๆ กิจกรรมส่งเสริมการตลาดในรูปแบบต่างๆ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้าน Beauty & Health Solution นอกจากนี้ จากข้อมูลการศึกษาพฤติกรรมของตลาดแมส เซ็กเมนท์พบว่า โมเดลธุรกิจของแบรนด์สุขภาพและความงามนั้นมีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุกๆปี สะท้อนให้เห็นถึงการเข้าถึงฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง รวมถึงปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจความงาม สุขภาพ และผิวพรรณต่อเนื่อง ซึ่งเทรนด์คนรักสุขภาพและความงามจะกลายเป็นอีกหนึ่ง New Normal ของช่วงหลังไวรัสโควิด ที่เรามองเห็น ซึ่งผู้คนจะกลับมาใส่ใจรักสุขภาพและดูแลตนเองมากขึ้น”
ปัจจุบัน แบรนด์ ชาเม่ มีกลุ่มฐานลูกค้ากว่า 7,000,000 ราย ทั่วประเทศ แสนสิริ เตรียมวางแผนและออกแบบกลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่เพื่อสร้างเซอร์ไพรส์ที่เคยไม่มีก่อนในเมืองไทย ผ่านการสร้างประสบการณ์และกิจกรรมการตลาดหรือแคมเปญการตลาดใหม่ๆ เอาใจคนรักสุขภาพและความงามขยายฐานการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ร่วมกับชาเม่ และ วางแผนส่งเสริมดันยอดขายบริษัทในไตรมาส 2 ตามเป้าที่วางไว้ 12,000 ล้านบาท ผ่านช่องทางการขายใหม่ใน ทุกช่องทางการตลาดที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมการสื่อสารทั้ง Omni-Channel ซึ่งแบรนด์ ชาเม่ จะกลายเป็นกลยุทธ์หัวหอกสำคัญทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพได้อย่างเข้าถึงผ่านธุรกิจสุขภาพและความงาม ควบคู่กับการทำแคมเปญการตลาดและโปรโมชั่นของแสนสิริร่วมกัน รวมถึงพริวิเล็จใหม่ๆสำหรับครอบครัวแสนสิริ แฟมิลี่ ที่ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 100,000 ครอบครัวทั่วประเทศ
ด้านนันท์ฐณิชา ศิริปรีดาวัชร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชาร์มมิ่ง เวิลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามภายใต้แบรนด์ชาเม่ เผยว่า ความร่วมมือกันในครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งและขยายฐานการตลาดให้กับชาเม่ได้มากขึ้น ผ่านกิจกรรมทางการตลาด ที่น่าสนใจแบบใหม่ๆ ชาเม่ มองว่าเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องใกล้ตัว ประกอบกับไลฟสไตล์ของคนในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น เนื่องด้วยปัญหาสภาวะแวดล้อมต่างๆ จึงทำให้การมีสุขภาพที่ดีเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้บริโภคล้วนต้องการ ซึ่งชาเม่เองมีจุดแข็งที่โดดเด่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความงามและสุขภาพ และแสนสิริเองก็เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในวงการอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นการมาร่วมกันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการทำการตลาดและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายร่วมกัน
“เราเชื่อว่าการร่วมมือเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ เป็นมิติใหม่ครั้งสำคัญระหว่าง 2 ภาคธุรกิจที่จะร่วมเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงความเชี่ยวชาญของชาเม่ จะช่วยตอบโจทย์การตลาดร่วมกัน โดยทำให้แสนสิริในการเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายและสร้างการจดจำแก่กลุ่มฐานลูกค้าระดับแมสเซ็กเม้นท์ได้มากขึ้น สู่การผลักดันให้แสนสิริ เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดแนวราบได้ในปี 2563 นี้”อรุณภรณ์ กล่าว