กองบรรณาธิการ
ดีแทค จัดตั้งกลุ่มธุรกิจองค์กร หรือ dtac Business ช่วยองค์กรธุรกิจและ SME ไทย สู้วิกฤตเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว พร้อมเปิดตัว 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ธุรกิจ ชู 3 โซลูชั่นที่จะช่วยตอบโจทย์ธุรกิจไทย
นายราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจองค์กรและธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า แนวโน้มการทำธุรกิจ 3 ประการในวิถีชีวิตใหม่ ที่สร้างโอกาส ศักยภาพ และความท้าทายที่ช่วยให้ผู้ประกอบการ สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ
1. การเตรียมพร้อมแพ็กเกจดาต้าและการโทรเพื่อรองรับการสื่อสารที่เพิ่มขึ้น
2. การเตรียมพร้อมเครื่องมือและโซลูชันการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเพิ่มความปลอดภัยเพื่อรองรับการทำงานแบบใหม่
3. การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทาง ดิจิทัลเพื่อตอบรับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป
“เทคโนโลยีการสื่อสารถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลที่ต้องการความรวดเร็วในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างราบรื่น ลงทุนต่ำและมีผลิตภาพเพิ่มขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ดีแทคจะให้ทุกธุรกิจก้าวผ่านอุปสรรคและประสบความสำเร็จทางธุรกิจได้นั้น ไม่ใช่มีเพียงบริการวอยซ์หรือดาต้าเท่านั้น แต่ดีแทคมุ่งมั่นสรรหาโซลูชันต่างๆ ที่จะเข้ามาทำให้ธุรกิจต่างๆ เติบโตในยุคเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีได้” ราจีฟ กล่าว
นอกจากนี้ดีแทคได้ชูโซลูชัน 3 กลุ่ม สำหรับบริการธุรกิจองค์กร และ SME ได้แก่
Mobility solutions: ซิม WorryFree อัพเกรดแพ็กเกจที่คุ้มค่า หมดปัญหาความไม่เท่าเทียมทั้งลูกค้าใหม่และปัจจุบัน
นอกจากแพ็กเกจโทรฟรี 24 ชั่วโมงทุกเครือข่ายที่มอบให้แล้ว ลูกค้า dtac Business ที่ใช้ซิม WorryFree จะได้อัพเกรดแพ็กเก็จโทรศัพท์ที่เพิ่มปริมาณดาต้าโดยไม่ต้องสมัครเพิ่ม ให้ลูกค้าได้ใช้งานมากขึ้น ให้กับองค์กรที่เป็นลูกค้าดีแทคปัจจุบัน และสำหรับองค์กรที่เข้ามาเป็นลูกค้าใหม่ เพราะการสื่อสารเป็นพื้นฐานสำคัญของการดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะยุคดิจิทัล พฤติกรรมลูกค้าที่ใช้ออนไลน์มากขึ้น ภายใต้ Mobility โซลูชันยังรวมถึง อุปกรณ์สื่อสาร (Device Care) และ Virtual PBX สำหรับกลุ่มธุรกิจโดยเฉพาะ ช่วยให้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจสามารถบริหารค่าโทรและอินเทอร์เน็ตได้อย่างคุ้มค่า ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น สนับสนุนให้ลูกค้าธุรกิจไม่ว่าเป็น SMEs หรือบริษัทขนาดใหญ่สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายและเติบโตอย่างยั่งยืน
IoT Solution: บริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดีแทคนำเสนอ IoT ผ่านพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านส่วนอุปกรณ์การเชื่อมต่อที่หลากหลาย ครอบคลุมการใช้งานทุกภาคอุตสาหกรรม พันธมิตรติดตั้งระบบ หรือซิสเต็ม อินทิเกรเตอร์ และนักพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานแต่ละอุตสาหกรรมมากกว่าสิบโซลูชั่น พร้อมผสมผสานเทคโนโลยีของดีแทคเอง Managed IoT cloud platform และการเชื่อมต่อ IoT SIM บนเครือข่าย สี่จี ด้วยความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีจากเทเลนอร์ ทำให้ดีแทคมีแพลตฟอร์มการบริหารอุปกรณ์ IoT ที่มีความปลอดภัยสูง โดยใช้โปรโตคอล MQTTS ที่ใช้แบนด์วิธน้อย และมีการเข้ารหัสข้อมูลด้วย TLS 1.2 จากอุปกรณ์ IoT มายังแพลตฟอร์มของดีแทค ดีแทคสั่งสมประสบการณ์มายาวนานตั้งแต่การให้บริการ แมชชีน ทู แมชชีน (Machine to Machine: M2M)ที่ให้บริการ ซิมรองรับการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ เช่น การใช้งาน เอทีเอ็ม และการทำฟลีทแมนเนจเม้นท์ การทำเทเลเมติกส์ และยังให้คำปรึกษาการลงทุนโครงการ IoT ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละอุตสาหกรรม เช่น การใช้ IoT นำร่องกับลูกค้าของดีแทค ในภาคการเกษตร การใช้ IoT กับตู้สวิทช์บอร์ด หรือ ตู้ MDB (Main Distribution Board)
SmartConnect: คลาวด์โซลูชั่น (Cloud Solutions)
ดีแทค ร่วมกับพันธมิตรในการนำเสนอโมเดลของการเป็นอะกรีเกรเตอร์มัลติคลาวด์ โดยมีโซลูชันสมาร์ทคอนเน็ค โดยเน็ตฟาวเดอรี่ (SmartConnect powered by NetFoundry) ให้บริการเครือข่าย (Network as a Service) โดยเน็ตฟาวเดอรี่ (NetFoundry) ทำให้ธุรกิจขององค์กรสามารถเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลระหว่างสำนักงานหรือสาขาต่างๆในที่ใดก็ได้ หรือเชื่อมต่อกับคลาวด์สาธารณะหรือ ไฮบริดคลาวด์ที่ผสมผสานการทำงานระหว่างคลาวด์ส่วนตัวและคลาวด์สาธารณะ ตอบโจทย์ต่อเทรนด์การทำงานของธุรกิจที่มีการใช้ระบบคลาวน์ในการจัดการข้อมูลและดำเนินงานมากยิ่งขึ้น โดยการเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายของสมาร์ทคอนเน็คมีความปลอดภัยสูง มีประสิทธิภาพ และช่วยลูกค้าองค์กรลดค่าใช้จ่าย โดยไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์และระบบเครือข่าย นอกจากนั้น ดีแทค จะปรับแต่งเพิ่มเติม หรือคัสโตไมเซชั่น คลาวด์ของพันธมิตรเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอโซลูชั่นนวัตกรรมให้กับลูกค้า อีกทั้งยังสร้างความแตกต่างที่โดดเด่น บริการคลาวด์ของดีแทค เหมาะสมอย่างยิ่งกับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่และเอสเอ็มอี ทั้ง ธนาคาร บริษัทประกัน และร้านอาหาร เนื่องจากคลาวด์มีความยืดหยุ่นจึงทำให้องค์กรคล่องตัวและรวดเร็ว
“จะเห็นว่าเทคโนโลยีการสื่อสารมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อภาคธุรกิจเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในยุคดิจิทัล ทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาวอีกด้วย ทั้งนี้ ‘ความเร็ว’ ในการปรับใช้เทคโนโลยีในธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ เพื่อให้ก้าวทันต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงขึ้น ซึ่งดีแทคมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ลูกค้าไว้วางใจ (Trusted partner) ไม่ว่าธุรกิจจะเล็กใหญ่ขนาดใดก็ตาม เราพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเพื่อข้ามผ่านทุกความท้าทาย” ราจีฟ กล่าว
ทั้งนี้ dtac Business ยังเปิดตัวบริการ self-service เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล โดยการเปิดตัวการให้บริการ E-care และ E-Store ที่ให้ลูกค้าธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยน และจัดการแพ็กเกจและการจ่ายค่าบริการต่างๆได้ด้วยตัวเอง และยังเปิดตัว Business call center สำหรับลูกค้าธุรกิจโดยเฉพาะเพื่อให้การทำธุรกิจเป็นเรื่องง่าย สบายใจในการจัดการและติดต่อการได้รับความช่วยเหลือทางทีมงาน