กองบรรณาธิการ
กลุ่มบริษัทสามารถ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีครบวงจร ยกปี 2025 เป็นปีแห่ง การพลิกโฉมธุรกิจ สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน และนับเป็นปีทองในรอบ 10 ปี โดยเร่งรุกไปในธุรกิจใหม่ และรักษาการเติบโตในธุรกิจเดิมให้แข็งแกร่ง ทั้งลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบินภายใต้ SAV พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีครบวงจรเพื่อให้บริการภาครัฐในรูปแบบ Outsourced Services ของสายธุรกิจ Digital ICT Solutions ยิ่งไปกว่านั้นยังเร่งการฟื้นตัวของ SDC ตอกย้ำเป้าหมายการสร้างธุรกิจที่มีรายได้ประจำและเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกสายธุรกิจ ตั้งเป้ารายปีนี้ไว้ที่ 13,500 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทสามารถในปี 2025 ว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯมีการปรับตัวเพื่อรองรับการเข้าสู่ยุค Digital อย่างเต็มรูปแบบ มีการรุกไปในธุรกิจใหม่และรักษาการเติบโตในธุรกิจเดิม สร้างรายได้ผ่านโมเดลธุรกิจ B2G2C มากขึ้น ด้วยการศึกษาความต้องการของหน่วยงานภาครัฐเพื่อพัฒนาด้านการให้บริการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แล้วเข้าไปลงทุนพัฒนาและติดตั้งระบบให้ก่อน… ดังนั้นเพื่อสะท้อนการเป็นปีทองของกลุ่มสามารถในรอบ 10 ปี จึงกำหนด Year Theme หรือจุดมุ่งเน้นทางธุริจในปีนี้ว่า ปีแห่งการพลิกโฉมธุรกิจ สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน หรือ Year of Reinvention โดยจะใช้ Diversity & Unity เป็นกลยุทธ์สำคัญในการปรับเปลี่ยน เสริมแกร่ง และสร้างโอกาสสู่ความยั่งยืน.. Unity เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ส่วน Diversity คือการสร้างพอร์ตในหลากหลายธุรกิจ เพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงและสร้างโอกาสทางธุรกิจ .. ปีนี้จึงตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 13,500 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2024 โดยพุ่งเป้าในการสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งด้วยการเพิ่มรายได้ประจำขึ้นประมาณ 25% ทั้งนี้มีปัจจัยบวกหลายอย่างมาเสริมความมั่นใจ ซึ่งมีรายละเอียดแต่ละสายธุรกิจดังนี้
สายธุรกิจ Digital ICT Solutions นำโดย บมจ.สามารถเทลคอม
มีความชำนาญในการคัดสรรนวัตกรรมเทคโนโลยีครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ปีนี้มุ่งแสวงหาฐานลูกค้าและพันธมิตรใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง พร้อมลดความเสี่ยงจากปัจจัยรอบด้าน มุ่งเน้นการสร้างโครงการใหญ่ เพื่อช่วยให้ลูกค้าลดภาระด้านงบประมาณ ด้วยรูปแบบ Outsource Services สร้างรายได้ประจำระยะยาว เพื่อความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจ ปัจจุบันมีงานในมือแล้วมูลค่ากว่า 5,500 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีต่อ ๆไป โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2025 อยู่ที่ 6,500 ล้านบาท มั่นใจว่าปีนี้สายธุรกิจ ICT จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ด้วยโอกาสจากหลายโครงการที่เลื่อนมาจากปีที่แล้ว ประกอบกับโครงการใหม่จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ จากภาครัฐ รวมถึงนโยบายบูรณาการด้านเทคโนโลยี เพื่อต่อยอดการให้บริการด้านต่าง ๆ คาดว่าในปีนี้ จะมีโครงการใหม่ ๆ ที่จะเข้าร่วมประมูล ทั้งโครงการรูปแบบ Outsource Services ขนาดใหญ่หลักหมื่นล้านบาท
และโครงการเป้าหมาย มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท ภายใต้การดำเนินงานของ 3 สายธุรกิจ ได้แก่
1. สายธุรกิจ Network Solutions ให้บริการโซลูชันครบวงจรด้านโครงข่ายพื้นฐานสื่อสารความเร็วสูง
2. Enhanced Technology Solutions โซลูชันครบวงจรที่ผสมผสานเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย และ
3. Business Applications แอปพลิเคชันที่สนับสนุนด้านการประกอบธุรกิจด้วยซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นชั้นสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการของลูกค้า
สายธุรกิจทั้ง 3 สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนในวงกว้าง ทั้งในด้านการติดต่อสื่อสารและส่งผ่านข้อมูลได้อย่างฉับไว ด้วยเทคโนโลยี FTTx, MPLS หรือ VSAT ในด้านการบริหารจัดการ Operation ขององค์กร ด้วยระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร หรือ ERP และในด้านการพัฒนาบุคลากรด้วย e-Learning Solutions อีกทั้งยังสามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่ม ด้วยนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานเฉพาะด้าน อาทิ โซลูชันด้านสาธารณูปโภคไฟฟ้า เช่น AMR, AMI และ Smart Meter, ระบบงานด้านการเงินและการธนาคาร เช่น Core Banking Solutions และ e-Payment Solutions, บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ประกอบการในธุรกิจภาคการขนส่ง เช่น Electronic Data Interchange (EDI) และ Supply Chain Management นอกจากนี้ ยังมีบริษัทในเครือที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิต Tailored-Made Software ที่มีการนำเทคโนโลยีล่าสุด อย่าง AI และ Machine Learning เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโซลูชันที่นำเสนอ เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
สายธุรกิจ Utilities & Transportations นำโดย บมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่น
ตั้งเป้ารายได้ที่ 6,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์ ด้วยโอกาสทางธุรกิจหลายด้าน โดยเฉพาะ บมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่น ผู้ให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชาภายใต้ CATS คาดว่ารายได้จะเติบโตกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจการบินเริ่มขยายตัวเต็มที่หลังวิกฤตโควิด รัฐบาลกัมพูชามีนโยบายสนับสนุนภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยช่วงปลายปี 2024 ได้มีการเปิดให้บริการสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ ดาราสาคร ที่เกาะกง และภายในปีนี้จะมีการเปิดสนามบินนานาชาติพนมเปญแห่งใหม่ คาดว่าปีนี้จำนวนผู้โดยสารอาจมีมากถึง 7 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน และเที่ยวบินโดยรวมเพิ่มขึ้นถึงกว่า 1 แสนเที่ยวบิน ซึ่งจะส่งผลให้ SAV มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่เป็นบวกอย่างโดดเด่นในปีนี้
ธุรกิจด้าน Power Construction & Services โดยบริษัทเทด้าและทรานเส็ค มีงานในมือปัจจุบันรวม กว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงก่อสร้างสถานีไฟฟ้าและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ยังมีแผนรุกเข้าสู่การให้บริการ upgrade สถานีไฟฟ้าแบบเดิมให้เป็น Digital Substation ด้วย โดยมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆในปีนี้กว่า 3,000 ล้านบาท , ด้าน โครงการ Direct Coding ปัจจุบันยังเหลือสัญญาอีก 5 ปี เฉลี่ยรายได้ปีละกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทยังมีแผนที่จะขยายฐานธุรกิจบริการระบบพิมพ์รหัสควบคุมบนบรรจุภัณฑ์ หรือ Direct Coding ไปสู่การจัดเก็บภาษีสินค้าอื่นๆ อาทิ ยา อาหารเสริม น้ำมัน และ Soft Drink อีกด้วย
สายธุรกิจ Digital Communications นำโดย บมจ.สามารถดิจิตอล
ตั้งเป้ารายได้ปี 2025 ที่ 1,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และจะเป็นปีแรกในรอบ 10 ปีที่ SDC จะหยุดการขาดทุน และกลับมามีผลการดำเนินงานเป็น บวก จากการวางรากฐานทางธุรกิจที่เริ่มแข็งแรง เพื่อโอกาสสร้างรายได้ประจำให้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในปีต่อไป โดยเฉพาะโครงการ DTRS มีการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายเครื่องวิทยุลูกข่ายและค่าใช้บริการ Air Time ประมาณ 800 ล้านบาท และพุ่งเป้าขยายจำนวนผู้ใช้บริการไปยังหน่วยงานผู้ให้บริการประชาชน ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ การปกครองส่วนท้องถิ่น, บรรเทาสาธารณภัย และการแพทย์ฉุกเฉิน เป็นต้น โดยตั้งเป้าจะมีผู้ใช้บริการ 9 หมื่นรายในปีนี้ และ 1.2 แสนราย ในปี 2026 ส่วนธุรกิจสายมูโดยบ.ลัคกี้เฮงเฮง นำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาประยุกต์ใช้กับศาสตร์สายมูเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล โดยการนำเสนอบริการ AI Horo ผ่านทางพันธมิตรธุรกิจต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ใหม่ๆ ของสายมู รวมถึงการรุกตลาดธุรกิจของบริการทำบุญของ Thai Merit อีกด้วย
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า แม้ในปีที่ผ่านมาภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัว แต่ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาของเรายังอยู่ในระดับที่ดี คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 13,500 ล้านบาท และมีผลกำไรเป็นที่น่าพึงพอใจ ส่วนปีนี้จะเป็นปีที่ดีที่สุดของกลุ่มสามารถในรอบ 10 ปี ทั้งการรุกไปในธุรกิจใหม่ และรักษาการเติบโตในธุรกิจเดิม ที่สำคัญเรามีแผนใหญ่ โดยจะขยายธุรกิจพลังงานที่อยู่ในบ.เทด้า ที่เชี่ยวชาญเรื่องการออกแบบ จัดหาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และก่อสร้างสถานีไฟฟ้า ให้ออกมาครอบคลุมเรื่องพลังงานสะอาด และสิ่งแวดล้อม รับกับเทรนด์ที่ภาคธุรกิจให้ความใส่ใจกับความยั่งยืนมากขึ้น โดยกำลังศึกษาเกี่ยวกับ Carbon Credits ซึ่งเราหวังว่าธุรกิจใหม่ของเราจะสร้างรายได้ประจำให้กับกลุ่มสามารถต่อไป
#กลุ่มสามารถ #ThaiSMEs