กองบรรณาธิการ
นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช. กล่าวถึงตามที่ปรากฎผ่านสื่อมวลชนว่าตนลักไก่บรรจุวาระพิจารณาคำร้องขอบรรเทามาตรการควบรวมของบริษัททรูฯ ว่า มีหนังสือขอให้บอร์ดฯ พิจารณาว่ามาตรการควบรวมระหว่างทรูกับดีแทค กับเอไอเอส กับ3BB อาจจะไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นความเห็นของทรูโดยสำนักงานฯได้ทำการศึกษาเสร็จแล้วและมีความเห็นของสำนักงานฯ มาให้บอร์ดทำการตรวจสอบ จึงเป็นสิ่งที่บอร์ดต้องมาคุยกัน โดยสำนักงานฯได้เสนอรายงานมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพิจารณาที่ทรูเสนอมาสมเหตุสมผลหรือไม่ ต่อคณะกรรมการติดตามการควบรวม คาดว่าจะจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า และตนเองได้ทำตามที่กฎหมายให้หน้าที่
“เรื่องทรูไม่มีการลักไก่ เป็นเรื่องที่เขาเสนอมาส่วนจะพิจารณาเสร็จเมื่อใดคาดว่าจะหยิบเรื่องนี้มาพิจารณาอีกครั้ง บอร์ดยังมีการนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 24-26 ธันวาคมผมไม่ได้ลักไก่ ผมทำตามที่กฎหมายให้หน้าที่” นพ.สรณ กล่าว
ประธานกสทช. กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาเหตุและผลว่าควรทำอย่างไร ตนอยากให้การพิจารณาเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า แต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะจบเมื่อไหร่ เพราะมีเรื่องค้างการพิจารณาจำนวนมาก
ส่วนเรื่องที่มีการส่งบันทึกสั่งการเรื่องการปฎิบัติตามหน้าที่และอำนาจ ให้เลขาธิการและพนักงาน นพ.สรณ กล่าวว่า กฎหมายให้อำนาจเลขาธิการ กสทช. เป็นผู้บัญชาการสำนักงาน มีประธานเป็นผู้กำกับดูแลสำนักงาน สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่มีเรื่องกัน เป็นเพราะมีคณะอนุกรรมการ หรือกรรมการบางท่านส่งเรื่องไปที่สำนักงานฯโดยตรง จึงเกิดการฟ้องร้องศาล หากทำตามลำดับต้องเป็นอำนาจประธานเป็นผู้สั่งการ ดังนั้นหนังสือที่ส่งไปใช่การใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ
ส่วนการแต่งตั้งนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ยุทธศาสตร์ นพ.สรณ กล่าวว่า ระเบียบเรื่องรองสายยุทธศาสตร์มีอยู่แล้ว ตนอาจกฎหมายแล้วก็เป็นไปตามระเบียบที่มีอยู่ คือ เมื่อเป็นการต่ออายุจะทำได้อย่างไร การแต่งตั้งกับการต่ออายุแตกต่างกัน การแต่งตั้งต้องผ่านความเห็นขอบของบอร์ด
นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช. กล่าวถึงวิสัยทัศน์ การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการทำงานว่า งานที่จะเอา AI มาใช้ตนมองเรื่องการนำ AI มาใช้ช่วยตรวจการเสนอเนื้อหาโฆษณาดกินความจริง การโฆษณาที่ไม่เหมาะสม รวมถึงใช้ AI ในการตรวจสอบเนื้อหาต่างๆ ลปัจจุบันมีการโฆษณาขายสินค้าจำนวนมาก การมอนิเตอร์เนื้อหาทั้งหมดไม่สามารถทำได้โดยเอาคนมานั่งตรวจสออบได้ตลอดเวลา การใช้ AI ในการตรวจสอบเป็นสิ่งที่เอามาช่วยได้
นอกจากนี้ กสทช. อยู่ระหว่างพิจารณากฎหมาย Nero Casting เพื่อรองรับเครือข่ายมัลติแบรนด์และเครือข่าย 5.5G
นพ.สรณ กล่าวอีกว่า สื่อเก่ากำลังจะหายไป จะไปควบคุมเขาก็ไม่ได้แล้วเพราะเขาก็เปลี่ยนแปนลงไป เอาอาจจะต้องมีการออกกฎหมาย เข้ามาดูแล เพราะกสทช. ไม่มีความสามารถดูทุกเรื่อง ขึ้นอยู่กับการมองว่าจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง คลื่นมีอยู่แล้ว จะทำอย่างไรให้คลื่นนำไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ถ้าเอา AI เข้ามาจะต้องใช้อะไร ถ้าอยากเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ต้องมีอะไร โครงสร้างพื้นฐาน ราคาพลังงานต้องเป็นการส่งเสริม
ส่วนความคืบหน้าในการประมูลคลื่นความถี่ Multi brand Auction ประธาน กสทช. กล่าวว่า คนที่ออกแบบฟอร์แมท Multi brand จะกลับมาประเทศไทยเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2568 คงต้องทำการบ้านว่าการประมูลแบบไหนจะเหมาะสมที่สุด การ Auction มีทฤษฏีนะ ที่ผ่านมาให้บิดสูงสุดเราให้คลื่นเขา ถ้าเราเปลี่ยนความคิดเป็น ประมูลออกมาเป็นยังไง เราอาจจะให้คลื่นกับคนที่ให้ราคาอันดับสอบ second price ถ้าทำแบบนี้คนจะใส่ราคามาเลยเพราะมองว่าคงไม่จ่ายราคานี้ อย่าไปคิดแค่ว่าตลาดมีผู้เล่นแค่สองราย อาจจะมีคนเอาคลื่นไปให้บริการ NVNO ทฤษฎีการประมูลเราอาจจะเปลี่ยนก็ได้ เช่น เอาของที่ใกล้เคียงกันมาประมูล เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมที่สุดและเอาไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด ในอนาคตอาจจะมีการประมูลคลื่นโทรศัพท็์กับโทรทัศน์ร่วมกันก็ได้อาจจะมีคนอยากได้คลื่นมากขึ้น เราไม่เคยทำเราไม่เคยรู้อาจจะมีคนคิดต่างจากเราก็ได้
#กสทช #ThaiSMEs