กองบรรณาธิการ
เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน บริษัทด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2567 รายรับอยู่ที่ 92.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30.5 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรสุทธิอยู่ที่ 6.3 พันล้านหยวน โดยยังคงครองตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ได้ กลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมยังคงสูงขึ้นอยู่ที่ 20.4 เปอร์เซ็นต์ธุรกิจหลักทั้งสามของเสียวหมี่ ได้แก่ สมาร์ทโฟน ผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ และบริการอินเทอร์เน็ต มีรายรับ 47.5 พันล้านหยวน 26.1 พันล้านหยวน และ 8.5 พันล้านหยวน ตามลำดับ รายรับจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (EV) และโครงการใหม่ๆ มีรายได้อยู่ที่ 9.7 พันล้านหยวน ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมาย 1 หมื่นล้านหยวนที่ตั้งไว้ โดยที่ประสิทธิภาพโดยรวมนั้นเกินความคาดหมาย การเติบโตดังกล่าวตอกย้ำระบบนิเวศอัจฉริยะ Human x Car x Home ของเสียวหมี่ที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตที่ผลักดันให้กลุ่มบริษัทบรรลุผลลัพธ์ที่สำคัญมากมาย
ในไตรมาส 3 เงินสดของเสียวหมี่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแตะระดับใหม่สูงสุดอยู่ที่ 151.6 พันล้านหยวน ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 โดยในช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ของปีนี้ มูลค่าสินค้ารวมสะสม (GMV) บนช่องทาง Omnichannel ของเสียวหมี่นั้นเกิน 31.9 พันล้านหยวน
เสียวหมี่ มีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน ในขณะที่ยอดขายของ Xiaomi 15 Series ทำยอดทะลุ 1 ล้านเครื่อง
ในไตรมาส 3 ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่ อยู่ที่ 43.1 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 3.1 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว จากข้อมูลของ Canalys ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่ติดอันดับหนึ่งในสามแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำทั่วโลกติดต่อกัน 17 ไตรมาส โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 13.8 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อันดับในการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ไต่ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 1.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็น 14.7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม
ในไตรมาส 3 รายรับจากธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่อยู่ที่ 47.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.9 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเสียวหมี่ยังคงพัฒนากลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลของบุคคลที่สาม (third-party data) สมาร์ทโฟนพรีเมียมของเสียวหมี่รุ่นที่มีราคาตั้งแต่ 3,000 หยวนขึ้นไปมีสัดส่วนคิดเป็น 20.1 เปอร์เซ็นต์ ของยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั้งหมดในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.9 จุดเปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เมื่อจำแนกตามกลุ่มราคา เสียวหมี่นั้นประสบความสำเร็จในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าในสมาร์ทโฟนสามกลุ่มราคาในจีนแผ่นดินใหญ่ในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยสมาร์ทโฟนในกลุ่มราคา 3,000 ถึง 4,000 หยวน เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 18.1 เปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้น 9.3 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า สมาร์ทโฟนในกลุ่มราคา 4,000 ถึง 5,000 หยวน เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 22.6 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 9.7 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และ สมาร์ทโฟนในกลุ่มราคา 5,000 ถึง 6,000 หยวน เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 6.9 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 2.4 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดย Xiaomi 15 Series นั้นมียอดขายกว่า 1 ล้านเครื่องซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า และตั้งแต่ Xiaomi 15 Series เปิดตัวมาก็เป็นสินค้าขายดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างสถิติใหม่สำหรับยอดขายสมาร์ทโฟนเรือธงในช่วงแรก ในขณะเดียวกันในช่วงเทศกาล ช้อปปิ้ง 11.11 ที่ผ่านมา เสียวหมี่สามารถทำยอดขายและรายรับบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในช่องทางหลักในกลุ่มราคา 4,000 ถึง 5,999 หยวนได้อีกด้วย
อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ IoT พุ่งแตะระดับสูงสุด โดยมียอดการจัดส่งเครื่องปรับอากาศและเครื่องซักผ้าที่เติบโตขึ้นกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
ธุรกิจผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 โดยมีรายรับอยู่ที่ 26.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 26.3 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีอัตรากำไรขั้นต้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 20.8 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 2.9 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
ด้วยการใช้เทคโนโลยีเฉพาะเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจึงทำให้ระบบนิเวศอัจฉริยะของกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT ของ เสียวหมี่นั้นเติบโตทั้งในด้านปริมาณและมูลค่า ทั้งนี้ยอดการจัดส่งตู้เย็นและเครื่องซักผ้านั้นทำสถิติสูงสุด โดยที่มีการจัดส่งเครื่องปรับอากาศมากกว่า 1.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 55 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และการจัดส่งตู้เย็นมากกว่า 810,000 เครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และการจัดส่งเครื่องซักผ้าเกิน 480,000 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
ตามรายงานของ Canalys พบว่ายอดจัดส่งแท็บเล็ตทั่วโลกของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเสียวหมี่ยังคงสามารถครองอันดับที่ 5 ของโลกและอันดับที่ 3 ในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยยอดจัดส่งอุปกรณ์สวมใส่ทั่วโลกของเสียวหมี่นั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า รวมไปถึงยอดจัดส่งนาฬิกาอัจฉริยะและหูฟัง TWS สามารถทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
รายรับจากธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นก็ยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นกัน
ในช่วงเวลาดังกล่าว บริการอินเทอร์เน็ตยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีรายรับเพิ่มขึ้น 9.1 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 8.5 พันล้านหยวน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของบริการอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 77.5 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 3.1 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
ฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน (MAU) ทั่วโลกและในจีนแผ่นดินใหญ่ต่างก็ทำสถิติสูงสุด ในเดือนกันยายน 2567 จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนทั่วโลกแตะระดับ 685.8 ล้านราย เพิ่มขึ้น 10.1 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนในจีนแผ่นดินใหญ่แตะระดับ 167.9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 10.6 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
Xiaomi SU7 บรรลุเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ 100,000 คัน โดยมีรายรับจากรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ใกล้แตะ 1 หมื่นล้านหยวน
รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่นั้นเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเหนือความคาดหมายอีกครั้ง ในไตรมาส 3 ปี 2567 รายรับจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและโครงการใหม่ๆ อื่นๆ สูงถึง 9.7 พันล้านหยวน ซึ่งใกล้จะแตะเป้าหมาย 1 หมื่นล้านหยวนแล้ว โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเพิ่มขึ้น 17.1 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้เสียวหมี่ยังคงเร่งการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการส่งมอบรถยนต์ Xiaomi SU7 Series ในไตรมาสนี้สูงถึง 39,790 คัน และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เสียวหมี่ได้ทำการส่งมอบรถยนต์ Xiaomi SU7 Series ไปแล้วกว่า 67,157 คัน
ในเดือนตุลาคม 2567 เสียวหมี่ได้ทำการการส่งมอบรถยนต์ Xiaomi SU7 Series ภายในเดือนนั้นไปแล้วเกิน 20,000 คัน นอกจากนี้เสียวหมี่ยังบรรลุเป้าหมายการผลิตรถยนต์สะสมกว่า 100,000 คันในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 และบรรลุเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ 100,000 คัน ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะส่งมอบรถยนต์ 130,000 คันภายในปี 2567 อีกด้วย นอกจากนี้เสียวหมี่ยังได้ทำการขยายเครือข่ายการขายและบริการอย่างรวดเร็ว โดยมีศูนย์ขายรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะถึง 127 แห่งใน 38 เมืองในจีนแผ่นดินใหญ่ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กลุ่มบริษัทสามารถเร่งดำเนินการส่งมอบให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ในเดือนตุลาคม 2567 รถต้นแบบ Xiaomi SU7 Ultra สามารถทำสถิติเวลาต่อรอบได้สำเร็จที่สนาม Nürburgring Nordschleife โดยทำลายสถิติ รถสี่ประตูที่เร็วที่สุดในโลกที่สนาม Nürburgring Nordschleife ด้วยเวลา 6’46”874 ปัจจุบัน Xiaomi SU7 Ultra นั้นเปิดให้สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้แล้ว โดยตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์สามตัวที่ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ Xiaomi HyperEngine V8s แบบคู่และเครื่องยนต์ Xiaomi HyperEngine V6s โดย Xiaomi SU7 Ultra นั้นสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ออกแบบไว้ได้ที่ 350 กม./ชม. และจะวางจำหน่ายอยู่ที่ราคา 814,900 หยวน ทั้งนี้มีผู้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้วถึง 3,680 คันภายใน 10 นาทีแรก โดย Xiaomi SU7 Ultra มีกำหนดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2568
เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วยการลงทุนด้าน การพัฒนาและวิจัยที่เพิ่มขึ้น
เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างยั่งยืนในเทคโนโลยีหลักพื้นฐานและก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในไตรมาส 3 ปี 2567 ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา (“R&D”) ของเสียวหมี่นั้นสูงถึง 6 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.9 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เสียวหมี่มีบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนากว่า 20,436 คน นอกจากนี้เสียวหมี่ยังได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 41,000 ฉบับทั่วโลก ในปี 2567 อันดับของกลุ่มในกลุ่มสิทธิบัตรทั่วโลกด้านสิทธิบัตรพื้นฐานที่จำเป็นต่อมาตรฐาน 5G (SEPs) นั้นไต่ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 8 ของโลก
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่ได้เปิดตัวเทคโนโลยีแชสซีอัจฉริยะก่อนการวิจัย (chassis pre-research technology) ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีหลักสี่ประการ ได้แก่ Xiaomi Full Active Suspension, Xiaomi Quad-HyperEngine, Xiaomi 48V Electric Mechanical Brake และ Xiaomi 48V SbW System นอกจากนี้ ระบบขับขี่อัจฉริยะของเสียวหมี่ยังรองรับโมเดลขนาดใหญ่แบบครบวงจรและเปลี่ยนชื่อเป็น HAD โดยผลิตภัณฑ์รุ่นแรกจะมีกำหนดเปิดตัวในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2567 นอกจากนี้ ณ ปัจจุบัน ระบบขับขี่อัจฉริยะของเสียวหมี่นั้นเดินทางครอบคลุมระยะทางมากกว่า 75 ล้านกิโลเมตร โดยมีระบบการนำทางแบบ NOA ที่คิดเป็น 81 เปอร์เซ็นต์ ของระยะทางนี้และครอบคลุม 333 เมืองทั่วประเทศโดยมี Xiaomi SU7 ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่สำคัญของเสียวหมี่ในด้านการขับขี่อัจฉริยะ ทั้งนี้นับตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป Xiaomi SU7 Pro และ Xiaomi SU7 Max จะเริ่มเปิดตัวฟีเจอร์ช่วยนำทางในเมือง (urban NOA) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในด้านการขับขี่อัจฉริยะของเสียวหมี่
ในเดือนตุลาคม 2567 เสียวหมี่ได้เปิดตัว Xiaomi HyperOS 2 อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการครั้งสำคัญในการสร้างระบบนิเวศ AI ที่ครอบคลุม โดยมีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีหลัก 3 ประการ ได้แก่ HyperCore, HyperConnect และ HyperAI ซึ่งมอบประสบการณ์ใหม่และล้ำสมัยให้กับผู้ใช้ทั่วโลกในด้านฟังก์ชันพื้นฐาน การเชื่อมต่ออัจฉริยะข้ามอุปกรณ์ และการโต้ตอบกับ AI
#เสียวหมี่ #ThaiSMEs