กองบรรณาธิการ
การเข้ามาขยายฐานตลาดของเสียวหมี่ บริษัทไอทียักษ์ใหญ่แดนมังกร ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2561 โดยการวางจำหน่ายสินค้าสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยในราคา ที่ลูกค้าเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์นี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในประเทศไทยส่งผลให้เสียวหมี่ สามารถชิงส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน ในอันดับท็อป 3 ของตลาดสมาร์ทโฟนไทย ได้อย่างสวยงามและต่อเนื่อง
แบรนด์เสียวหมี่ ไม่เพียงเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ประสบผลสำเร็จในการทำตลาดในประเทศไทย ยังมีการเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มาพร้อมกับนวัตกรรทันสมัยที่สอดรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคคนไทยอย่างต่อเนื่อง
ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะที่เสียวหมี่นำเสนอในตลาดไทยมีหลากหลาย อาทิ สมาร์ทโฟน รุ่นยอดนิยมเช่น Xiaomi Series และ Redmi Series ซึ่งมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านกล้องและประสิทธิภาพการใช้งาน
อุปกรณ์สวมใส่ เช่น Xiaomi หรือ Redmi Band ที่มีฟีเจอร์การติดตามสุขภาพ
สมาร์ทโฮม ผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้านเช่น Mi Smart Home Devices ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านได้ อุปกรณ์เสริม ที่มีความหลากหลาย อาทิหูฟัง, แบตเตอรี่สำรอง, และอื่นๆ
สินค้าเทคโนโลยีต่างๆ เช่น TV, เครื่องฟอกอากาศ, และจักรยานไฟฟ้า
ในปัจจุบัน เสียวหมี่ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย มีการสร้างเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการที่ทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีการทำตลาดและกิจกรรมการสร้างแบรนด์ที่มีส่วนร่วมกับผู้ใช้ผ่าน เสียวหมี่แฟนคลับ (Xiaomi Fans)
ด้วยการลงทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนาจำนวนมากและต่อเนื่องโดยในปี พ.ศ. 2567 เสียวหมี่ สำนักงานใหญ่ ประกาศลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมของบริษัท บริษัทมีการจดสิทธิบัตรมากกว่า 30,000 ฉบับทั่วโลกและมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคมากกว่า 1,000 รายการ อาทิ สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์อัจฉริยะในบ้านรายการ
ล่าสุดเสียวหมี่ยังได้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะภายใต้ชื่อ Xiaomi SU7 ถือเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์หลักของบริษัท ‘Human x Car x Home’ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ผสานเอาอุปกรณ์ส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮม และรถยนต์เข้าไว้ด้วยกัน เป็นการหลอมรวมเอาทุกสิ่งที่คุณต้องการไว้ในระบบนิเวศอัจฉริยะแห่งเดียว เพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ครอบคลุมและดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานทุกคน โดยเสียวหมี่ ประเทศไทย ได้นำเอารถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรกของเสียวหมี่ Xiaomi SU7 มาจัดแสดงภายในงานเปิดตัว Xiaomi 14T Series เพื่อให้สื่อมวลชนและพาร์ทเนอร์ได้สัมผัสถึงวิสัยทัศน์ของเสียวหมี่ที่บุกเบิกสู่อนาคตอัจฉริยะ
มร. อเล็กซ์ ถัง ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียวหมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 เสียวหมี่ได้อัปเกรดกลยุทธ์สู่ระบบนิเวศอัจฉริยะ ‘Human x Car x Home’ ซึ่งถือเป็นการก้าวสำคัญในการก้าวไปข้างหน้าของวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของเสียวหมี่ โดยกลยุทธ์ดังกล่าวนั้นมาจากแนวคิดที่ มนุษย์ (Human) คือจุดศูนย์รวมสำคัญของการประมวลผลต่างๆ โดยจะมีตัวแปรที่ทำหน้าที่นี้คือสมาร์ทโฟน (Smartphone) ในขณะที่ บ้าน (Home) คือพื้นที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ และ รถยนต์ (Car) คือพื้นที่อัจฉริยะที่เคลื่อนที่ได้ ฉะนั้นเสียวหมี่จึงได้ผสานเอาระบบนิเวศอัจฉริยะในทุกๆ ด้านของผู้ใช้งานในชีวิตประจำวันเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างราบรื่นและเรียลไทม์ เพื่อให้เป็นไปตามความตั้งใจแรกเริ่ม หรือ mission ของเสียวหมี่ที่ต้องการให้ทุกคนในโลกได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้นผ่านเทคโนโลยีนวัตกรรม ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ใช้ชาวไทยได้รับข้อมูลดังกล่าว เสียวหมี่ ประเทศไทยจึงได้ให้ข้อมูลและจัดแสดงระบบนิเวศอัจฉริยะ ‘Human x Car x Home’ โดยได้จัดแสดง Xiaomi SU7 รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในงานเพื่อให้เห็นถึงการเชื่อมต่ออัจฉริยะในระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ให้แก่สื่อมวลชนและพาร์ทเนอร์ในงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Xiaomi 14T Series เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ Xiaomi SU7 คือรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรกของเสียวหมี่ ที่ถูกจัดอยู่ภายใต้นิยาม ‘ซีดานของเทคโนโลยีเชิงนิเวศประสิทธิภาพสูงเต็มขนาด’ (full-size high-performance eco-technology sedan) ที่มาพร้อมประสิทธิภาพรอบด้าน รวมไปถึงการบูรณาการระบบนิเวศและพื้นที่อัจฉริยะเคลื่อนที่ โดยมีมูลค่าการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนามากกว่า 1 หมื่นล้านหยวน พร้อมด้วยการทำงานที่มุ่งมั่นของวิศวกรมากกว่า 3,400 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคกว่า 1,000 คนในด้านต่างๆ โดยนับตั้งแต่การเปิดตัว Xiaomi SU7 Series ก็ได้รับผลการตอบรับจากผู้ใช้งานในประเทศจีนอย่างท้วมท้น ซึ่งภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ เสียวหมี่ได้ทำการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xiaomi SU7 Series ไปแล้วกว่า 27,307 คัน ในประเทศจีน โดยมียอดส่งมอบต่อเดือนเกิน 10,000 คันเป็นเวลา 2 เดือนติดต่อกัน โดยบริษัทได้ตั้งเป้าที่จะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xiaomi SU7 Series ในประเทศจีน จำนวน 120,000 คันภายในปี 2567 อีกด้วย นอกจากนี้เสียวหมี่อยู่ระหว่างการกำหนดนโยบายที่จะขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้า อัจฉริยะ Xiaomi SU7 Series เข้ามาสำหรับลูกค้าคนไทยด้วย
มร. อเล็กซ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเปิดตัว Xiaomi 14T Series นั้น นับว่าเป็นการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดที่เสี่ยวหมี่มุ่งมั่นที่จะนำสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับ เทคโนโลยี Advanced AI ให้กับผู้บริโภคในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ กับประสิทธิภาพและคุณภาพที่เกินราคา ภายใต้ คอนเซ็ปต์ Master light, capture night พร้อมวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนจอพับ Xiaomi MIX Flip และผลิตภัณฑ์ AIoT อื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับ Xiaomi 14T Series พร้อมให้ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ โดยผู้ที่สั่งจองในระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 11 ตุลาคม 2567 จะได้รับของสมนาคุณพิเศษนอกจากนี้ เสียวหมี่ ประเทศไทย ยังประกาศวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนจอพับ Xiaomi MIX Flip และผลิตภัณฑ์ AIoT ได้แก่ สายรัดข้อมืออัจฉริยะ Xiaomi Smart Band 9 หูฟังรุ่นใหม่ 2 รุ่น Xiaomi Buds 5 และ Xiaomi OpenWear Stereo ที่ใส่สบายในดีไซน์ที่แตกต่างกัน พร้อมด้วยหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ 2 รุ่น Xiaomi Robot Vacuum X20 Max และ Xiaomi Robot Vacuum X20 Pro
Xiaomi 14T Series มาพร้อมกับกล้องสามตัวที่ครอบคลุมความยาวโฟกัส 5 ระยะ ตั้งแต่ 15 มม. ถึง 120 มม. โดยกล้องหลักมาพร้อมความละเอียด 50MP รูรับแสงขนาดใหญ่ ƒ/1.6 และเลนส์ออปติคอล Summilux รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Leica ที่ถูกจับคู่กับเซ็นเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 เพื่อ
มอบประสบการณ์การถ่ายภาพอันยอดเยี่ยมโดดเด่นไม่เหมือนใครในทุกสถานการณ์
ในขณะที่ Xiaomi 14T นั้นก็มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX906 ขั้นสูงจาก Sony และกล้องสามตัวที่ครอบคลุมความยาวโฟกัส 4 ระยะ ตั้งแต่ 15 มม. ถึง 100 มม. โดยกล้องหลักมาพร้อมความละเอียด 50MP รูรับแสงขนาดใหญ่ ƒ/1.7 และเลนส์ออปติคอล Summilux รุ่นล่าใหม่สุด จาก Leica ที่มอบสีสันสดใสและรายละเอียดที่ยอดเยี่ยมแม้ในสภาวะแสงน้อย พร้อมด้วยกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP ที่มีระยะโฟกัสเทียบเท่า 15 มม. ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์นั้นคมชัดมากยิ่งขึ้น
Xiaomi 14T Series ยังมาพร้อมกับโหมดภาพยนตร์ซึ่งมีค่าเริ่มต้นของอัตราส่วนภาพอยู่ที่ 2.39:1 และรองรับการสลับ Cinematic Blur และ Rack Focus เพื่อให้ได้ความรู้สึกที่เหมือนกับภาพยนตร์ พร้อมกันนี้โหมด Director ยังมาพร้อมอินเทอร์เฟซการถ่ายภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ และรองรับการถ่าย 4K ที่ 30fps โดยจะทำให้สามารถบันทึกรายละเอียดของแสงและเงาได้ดีขึ้นและได้ช่วงไดนามิกที่ใกล้เคียงกับการมองเห็นของมนุษย์มากที่สุด
ในด้านของการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ตัวอุปกรณ์นั้นมาพร้อมกับ AI Interpreter ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเอาชนะอุปสรรคทางด้านภาษาเพื่อปรับปรุงการสื่อสารระหว่างการประชุมหรือการโทรสนทนาได้อย่างง่ายดาย และยังมาพร้อม AI Notes และ AI Recorder ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการถอดเสียงพูดเป็นข้อความ การจดจำผู้พูดได้อย่างแม่นยำ และการสรุปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่การแปลแบบเรียลไทม์เองก็จะเข้ามาช่วยให้การโต้ตอบหลายภาษาเป็นไปได้อย่างราบรื่นและสำหรับในด้านของการเพิ่มประสิทธิภาพของความสร้างสรรค์ Xiaomi 14T Series เองก็มาพร้อมกับ AI Image Editing ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับในการเล่าเรื่องด้วยภาพขึ้นไปอีกขั้น ในขณะที่ AI Eraser Pro จะช่วยลบองค์ประกอบที่คุณไม่ต้องการออกไปเพื่อให้คุณได้ภาพที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดและ AI Film เองก็จะช่วยให้การสร้างสรรค์วิดีโอสั้นแบบภาพยนตร์นั้นเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้นรวมไปถึง AI Portrait ที่จะสร้างอวตารเฉพาะตัวที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถแสดงตัวตนในแบบฉบับของตัวเองได้อย่างง่ายดายมากกว่าเดิมอีกด้วย
Xiaomi 14T Series มาพร้อมแบตเตอรี่อันทรงพลังขนาด 5000mAh โดยที่ Xiaomi 14T Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกใน Xiaomi T Series ที่มาพร้อมการชาร์จแบบไร้สาย ซึ่งมาพร้อมการชาร์จไร้สาย 50W และ HyperCharge 120W13 โดยสามารถชาร์จเต็มได้ในเวลาเพียง 19 นาทีเท่านั้น ในขณะที่ Xiaomi 14T มาพร้อมกับการชาร์จเร็วด้วย HyperCharge 67W14
Xiaomi 14T Series สะท้อนความโดดเด่นด้วยดีไซน์โลหะสุดล้ำสมัย โดยมาพร้อมขอบจอที่บางเป็นพิเศษเพียง 1.7 มม. เท่านั้นจึงช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ทั้งสองอุปกรณ์ยังรองรับมาตรฐาน IP6815 ในการกันน้ำและกันฝุ่น ทั้งนี้ Xiaomi 14T Pro ยังมาพร้อมกับกรอบโลหะอันประณีตและหรูหรา ที่มอบความยืดหยุ่นทนทานต่อการงอและเสียหายมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 116%2 อีกด้วย
Xiaomi 14T Series พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ววันนี้ทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T
สมาร์ทโฟนจอพับ Xiaomi MIX Flip ในสโลแกน Fliptastic
Xiaomi MIX Flip โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ All Around Liquid outer display ขนาด 4.01 นิ้ว พร้อมด้วยหน้าจอโค้งทั้งสี่ด้านที่มีความละเอียด 1.5K อัตราการรีเฟรช 120Hz และความสว่างสูงสุด 3,000nits โดยตัวอุปกรณ์นั้นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้ราบรื่นไม่มีสะดุดทั้งบนหน้าจอด้านในและด้านนอก ทั้งนี้ Xiaomi MIX Flip ยังมาพร้อมกับเลนส์ออปติคอล Summilux จาก Leica และเซ็นเซอร์ Light Fusion 800 ไดนามิกสูงที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพได้อย่างสวยงามและเปี่ยมไปด้วยรายละเอียดอันโดดเด่น รวมไปถึงกล้องเทเลโฟโต้ลอยตัว Leica 47 มม. อันเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยให้คุณสามารถโฟกัสได้ในระยะที่ใกล้ถึง 9 ซม. Xiaomi MIX Flip นั้นขับเคลื่อนด้วย Snapdragon® 8 Gen 3 Mobile Platform อันทรงพลังและระบบระบายความร้อน 3D อันล้ำสมัยที่จะช่วยกระจายความร้อนได้อย่างดีเยี่ยมรวมไปถึงแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4780mAh
นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจาก SGS ว่าสามารถรองรับการพับได้มากถึง 500,000 ครั้ง และยังถูกเสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีกด้วยกระจก Xiaomi Shield Glass ที่ช่วยเพิ่มความทนทานได้มากขึ้นถึง 10 เท่า18 เพื่อให้คุณมั่นใจได้ถึงการใช้งานที่ทนทานและยาวนาน
Xiaomi MIX Flip มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Black และ Purple ในรุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 39,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
ผลิตภัณฑ์ AIoT รุ่นใหม่แบบจุใจ
เสียวหมี่ ประเทศไทย ยังประกาศวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ AIoT อีกมากมาย ประกอบไปด้วย
• Xiaomi Smart Band 9 สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่มาในคอนเซ็ปต์ สไตล์ที่ใช่ ในจังหวะที่ชอบ วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 1,190 บาท (จากราคาปกติ 1,490 บาท)
• Xiaomi Buds 5 หูฟังเสียงคมชัด ตอบโจทย์ทุกความบันเทิง วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 2,990 บาท (จากราคาปกติ 3,290 บาท)
• Xiaomi OpenWear Stereo หูฟังดีไซน์โอเพยเอียร์ที่ใส่สบายตลอดวัน วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 3,990 บาท (จากราคาปกติ 4,590 บาท)
• Xiaomi Robot Vacuum X20 Max และ Xiaomi Robot Vacuum X20 Pro หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ ในราคาพิเศษ 18,990 บาท (จากราคาปกติ 21,990 บาท) และ 16,790 บาท (19,990 บาท) ตามลำดับ
#เสียวหมี่ #HumanxCarxHome #XiaomiSU7 #Xiaomi14TSeries #XiaomiMIXFlip #ThaiSMEs
