กองบรรณาธิการ
ปัจจุบันคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ คดีออนไลน์ มีสถิติการรับแจ้งความประมาณ 1,000 เรื่องต่อวัน คนร้ายมีการพัฒนารูปแบบและกลโกงที่แปลกใหม่และหลากหลาย ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก จากสถิติในระบบรับแจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 31 สิงหาคม 2567 (รวม 2 ปี 6 เดือน) มีผู้เสียหายแจ้งความประมาณ 6 แสนเรื่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยคดีประเภทหลอกลวงซื้อขายสินค้าเป็นคดีที่เกิดขึ้นมากที่สุด
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) จัดทำ โครงการสืบสวนหาข่าวในยุทธการปราบซิมผี ล่าบัญชีม้า โดยระดมกำลังตำรวจทั้งนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1– 9 ตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการระดมกวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทั้งการกระทำความผิดเกี่ยวกับซิมผี บัญชีม้า ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10– 27 กันยายน 2567 (รวม 18 วัน) ตามนโยบายของรัฐบาล
พร้อมกันนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย รวมทั้งบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจังในทุกมิติ ทั้งด้านการป้องกันปราบปราม การสืบสวนสอบสวน การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (ศูนย์ Anti Online Scam Operation Center หรือศูนย์ AOC) ซึ่งบูรณาการการทำงานแบบ One Stop Service และการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้เท่าทันและไม่ตกเป็นเหยื่อของคนร้าย รวมทั้งกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง สำหรับการระดมกวาดล้างในยุทธการ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิด ในความผิด 3 ประเภท โดยมีผลการระดมกวาดล้างจับกุมในช่วงวันที่ 10 – 25 กันยายน 2567 (รวม 16 วัน) สรุปได้ดังนี้ ความผิดในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีประเภทต่างๆ จับได้รวม 874 ราย ความผิดเกี่ยวกับซิมผี บัญชีม้า จับได้รวม 544 ราย ความผิดการพนันออนไลน์ จับได้รวม 690 ราย
นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล เรามีความพร้อมและยินดีเป็นอย่างยิ่งในการสนับสนุนการทำงานของภาครัฐ อย่างศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติในยุทธการปราบซิมผี ล่าบัญชีม้า รวมถึงภัยที่เกิดจากมิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก
โดยวันนี้ AIS ทำงานอย่างสอดประสานเพื่อปกป้องการใช้งานให้กับลูกค้าและคนไทยภายใต้ภารกิจอุ่นใจไซเบอร์ ซึ่งแบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วน ทั้งการสนับสนุนการติดตาม จับกุม จากการทำงานด้านวิศวกรรมเครือข่ายของทีมวิศวกรทุกภาคทั่วประเทศ ที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าจับกุมตามแหล่งกบดานของมิจฉาชีพ, การจับสัญญาณ False Base ในย่านชุมชน เป็นต้น รวมไปถึง การเข้าร่วมภารกิจปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน ด้วยการบริหารจัดการกำลังส่งของสัญญาณสื่อสาร เพื่อทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขาดช่องทางที่จะเข้ามาหลอกลวงคนไทย
ส่วนต่อมาคือ การรณรงค์ให้ประชาชนยืนยันตัวตนอย่างถูกต้องเมื่อใช้บริการระบบสื่อสาร ไม่นำบัตรประชาชนไปให้มิจฉาชีพสวมสิทธิ์ โดยได้ทำงานร่วมกับ กสทช. ในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างช่องทางในการลงทะเบียนและการตรวจสอบการถือครองเลขหมายผ่าน myAIS app ซึ่งหากพบความผิดปกติ ก็สามารถไป AIS Shop เพื่อตรวจสอบและดำเนินการแก้ไข หรือจะตรวจสอบว่าบัตรประชาชนของเรามีการลงทะเบียนกับมือถือค่ายไหนบ้าง สามารถทำได้ผ่าน app 3 ชั้น ของทาง กสทช. และติดต่อไปยังผู้ให้บริการแต่ละค่ายได้ทันทีเช่นกัน รวมถึงหากต้องการทราบว่าเบอร์นี้ลงทะเบียนไว้กับหมายเลขบัตรประชาชนของท่านหรือไม่ สามารถกด *179*ตามด้วยเลข ID#แล้วโทรออก จากเบอร์นั้น ๆ เพื่อตรวจสอบได้เช่นกันด้วย
และสิ่งสำคัญ คือ การรณรงค์สร้างทักษะดิจิทัล ให้รู้เท่าทัน และมีภูมิคุ้มกันในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน ผ่านโครงการ อุ่นใจไซเบอร์ ที่มีทั้งหลักสูตรให้เรียนรู้ พร้อมเครื่องมือด้านดิจิทัล อย่าง Digital Health Check ตรวจวัดสุขภาพด้านดิจิทัลของเราว่าอยู่ในระดับไหน, ช่องทางให้แจ้งเบอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1185 หรือ บริการ AIS Secure Net ที่เป็นเครื่องมือป้องกันภัยไซเบอร์ ด้วยการกรองเว็บไซต์อันตรายทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น โดยพวกเราชาว AIS ขอยืนยันถึงความพร้อมในการสนับสนุนทุกภารกิจของภาครัฐและสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
#AIS #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ThaiSMEs