กองบรรณาธิการ
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวในงาน THE WISDOM Wealth Decoded Talk – The Symbol of Your Vision ครั้งที่ 5 ว่า การเลือกตั้งทำให้มีความผันผวนทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการเลือกตั้งในสหรัฐจะเกี่ยวข้องกับการค้าเป็นหลักหากอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง อาจจะมีการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐ ทำให้ค่าเงินในภูมิภาคอ่อนตัวและมีการประเมินว่าประเทศไทยเป็นประเทศอันดับที่ 11 ที่ได้รับผลกระทบ โดยจะโดนกระทบกับจีดีพีค่อนข้างมากประมาณ 0.3-0.4 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีใน 2 ปีข้างหน้า ดังนั้นเป็นจังหวะที่จะมองหาการลงทุนกับสินทรัพย์สกุลต่างประเทศ
นอกจากนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะมีการประกาศลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ฉะนั้นสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาล ซึ่งมีดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ก็อาจจะลงทุนในกลุ่มนี้ได้
“เฟด ลดดอกเบี้ยภายใน ปลายปีหน้า ลด 2% มีบางประเทศเริ่มลดดอกเบี้ย เช่น อังกฤษ สวีเดน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย ขณะแนวโน้มดอกเบี้ยลด ทองจะมีราคาเพิ่มขึ้น เงินบาทจะแข็ง” นายบุรินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ยังมองว่า เมกกะเทรนด์ เรื่อง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็น AI ต้นน้ำ อาทิ ผู้ผลิตชิป อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณสุข (Healthcare) เป็นกลุ่มที่น่าลงทุน เนื่องจากสังคมเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย มีการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการดูแลสุขภาพมากขึ้น รวมถึงการเลือกตั้งหลายครั้งจะเน้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
“ลงทุนต้นน้ำ AI อาจจะเป็นคนผลิตชิป หรือ รับผลิตชิป หรือว่าคนที่ทำ AI เองอาจจะมีคู่แข่งเยอะ หลายบริษัทมีการแข่ง Generative AI ยังไม่รู้ใครเป็นผู้นำ อาจจะเป็นผู้นำในวันนี้ วันหน้าอาจจะเป็นคนอื่น อาจจะเป็นความเสี่ยง ถ้าเป็นต้นน้ำ ไม่ว่าใครก็จะต้องมาผลิตชิปกับเขา จะทำให้ลดความเสี่ยง มองว่า ไปลงทุนที่ต้นน้ำดีกว่า ผู้เล่นในปลายน้ำ” นายบุรินทร์ กล่าวและว่า
หากนางกมลา แฮร์ริสได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา อาจจะไม่มีผลกระทบกับจีดีพีไทยมากนัก เนื่องจากนโยบายอาจจะคล้ายกับนโยบายของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะแข็งขึ้น เนื่องจากสหรัฐมีนโยบาย
ต้องการลดการขาดดุลการค้า เพราะฉะนั้น เงินดอลลาร์จะแข็ง เงินบาท จะอ่อนค่าลง ซึ่งจะเห็นหลังการเลือกตั้งสหรัฐ
สำหรับจีดีพี ของไทยในปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 2.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรวมกับนโยบายดิจิทัล วอลเล็ตที่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ที่ 0.2 เปอร์เซ็นต์
“การลงทุน ต้องรอดูความชัดเจนว่าถ้า เงินดิจิทัล วอลเล็ต (Digital wallet) ลดลงมาและไปลงอย่างอื่น อาจจะไม่มีผล เพราะฉะนั้น คิดว่า ดิจิทัล วอลเล็ต เข้ามากระตุ้นจีดีพีไม่ได้เยอะมาก ถ้าได้เร็วอาจจะดีกว่า” นายบุรินทร์ กล่าว
สำหรับคุณสมบัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มองว่า ต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์และนโยบายเป็นเรื่องสำคัญ และที่อยากเห็นนโยบายกับรัฐบาลใหม่ คือ อยากเห็นรัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องการศึกษาซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานแต่ถ้าเด็กรุ่นใหม่ไม่สามารถมีการศึกษาที่ ตอบโจทย์กับเศรษฐกิจยุคใหม่ของโลกเป็นสิ่งที่น่ากังวล ซึ่งการศึกษาจะไม่เห็นผลเลย จะเห็นผลใน 15 ถึง 20 ปีข้างหน้า
#KBank #ThaiSMEs