กองบรรณาธิการ
AIS ร่วมมือ Oracle เปิด Hyperscale Cloud ครั้งแรกในไทย ชู AIS Cloud พร้อมยกระดับบริการคลาวด์ สู่การทรานสฟอร์มขององค์กรธุรกิจ คาดให้บริการลูกค้าองค์กร ภาครัฐและเอกชน ไตรมาสแรกปี 2568
AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล ที่มุ่งนำศักยภาพโครงข่ายเข้าเชื่อมต่อการทำงานกับภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ให้สามารถทรานสฟอร์มองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ประกาศแผนความร่วมมือครั้งสำคัญกับผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ระดับโลก Oracle Alloy เปิดตัวบริการ AIS Cloud ครั้งแรกในไทยกับบริการระดับ Hyperscale Cloud ให้ลูกค้าองค์กร สามารถเข้าถึงบริการคลาวด์ของ Oracle (OCI) ที่มีมากกว่า 100 บริการ ซึ่งจะตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน ด้วยระบบและบริการ Sovereign Cloud ที่มีความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการจัดเก็บข้อมูลของประเทศไทย รวมถึงความพร้อมในการทำระบบสำรองและกู้คืนข้อมูล (DR: Disaster Recovery) ในกรณีที่ระบบหลักเกิดความเสียหาย เพื่อให้ใช้ข้อมูลที่สำรองไว้มาทำงานต่อได้ทันที
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า กว่า 34 ปีที่ผ่านมา AIS มุ่งพัฒนาโครงสร้างด้านดิจิทัลเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์ดิจิทัลที่ดียิ่งกว่า ควบคู่ไปกับการนำศักยภาพโครงข่ายมาผสมผสานผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายเข้าเชื่อมต่อและสนับสนุนการทำงานกับองค์กร ทั้งภาครัฐ และเอกชน ให้สามารถทำดิจิทัลทรานสฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถในสร้างการเติบโต ที่จะนำไปสู่การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน
โดยเฉพาะความสามารถของเทคโนโลยีคลาวด์ ที่ปัจจุบันเข้ามามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขององค์กร ทำให้วันนี้เราได้ทำงานกับพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการด้านคลาวด์ระดับโลกอย่าง Oracle ที่จะทำให้ประเทศไทยมีบริการระดับ Hyperscale Cloud เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกผ่านบริการ AIS Cloud บน AIS Data Center ที่จะเป็นการปลดล็อกศักยภาพในการทำดิจิทัลทรานสฟอร์มเมชันอย่างมีประสิทธิภาพทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงการทำงานขององค์กรดังกล่าวให้มีศักยภาพพร้อมรับมือทุกโอกาส ความท้าทาย และการแข่งขัน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน ดึงดูดนักลงทุน และติดสปีดเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยให้มีแรงขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ AIS ได้นำศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึง เครือข่าย 5G ขณะที่ ออราเคิล ดูแลในส่วนของอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงนำเสนอบริการเพื่อรองรับความต้องการลูกค้า มากกว่า 100 บริการ อาทิ ความสามารถด้าน AI, การจัดเก็บข้อมูล, และการประมวลผล ที่สามารถตอบโจทย์การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กร
อย่างไรก็ตาม การให้บริการ Hyperscale Cloud เป็นบริการคลาวด์ที่มีความสามารถสูงและรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้อย่างไร้ขีดจำกัด
มีระบบรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการจัดเก็บข้อมูลของประเทศไทย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจมั่นใจในการใช้งานคลาวด์ รวมถึงมีระบบการสำรองและกู้คืนข้อมูล (Disaster Recovery) ซึ่งความพร้อมของ AIS Data Center ในการทำระบบสำรองและกู้คืนข้อมูล ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิด และ การขยายบริการคลาวด์แบบกระจายจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและควบคุมได้มากขึ้นสำหรับองค์กร
“ความร่วมมือในครั้งนี้ จะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้มาสู่การพัฒนาบุคลากร ช่วยให้องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถทำงานต่างๆ สะดวก มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเปิดตัว Hyperscale Cloud จะเป็นหัวใจสำคัญของอนาคตและคาดการณ์ว่า การใช้บริการคลาวด์ในส่วนของลูกค้าองค์กรจะมีการเติบโตที่สำคัญ เชื่อว่าดิจิทัลจะเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ทั้งในเรื่อง เศรษฐกิจ สังคม การใช้ดิจิทัล ลดความเลื่อมล้ำ และที่สำคัญดิจิทัล จะเป็นเครื่องมือให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้”
การ์เร็ตต์ อิลจ์ รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือ Oracle Alloy กับ AIS จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมของประเทศช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ AIS กลายเป็นผู้ให้บริการ Hyperscale Cloud สามารถพัฒนาบริการใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งนำเสนอ Sovereign Cloud และความสามารถด้าน AI ให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ ภายข้อกำหนดด้านกฎหมายด้านมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ AIS สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ด้วยประสบการณ์ของ AIS ที่เป็นผู้นำด้านบริการดิจิทัลในไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญในตลาดภายในประเทศ ทำให้ AIS สามารถส่งมอบบริการที่เหมาะสมต่อลูกค้าแต่ละรายที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า”
นางสาวแดฟนี่ ชุง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยบริการคลาวด์และซอฟต์แวร์ IDC เอเชีย/แปซิฟิก กล่าวว่า IDC คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้าน Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 31.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี (31.5% CAGR) สำหรับกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิค (ไม่รวมญี่ปุ่น) จากการสำรวจด้านคลาวด์ในพื้นที่เอเซียแปซิฟิค (ไม่รวมญี่ปุ่น) แสดงให้เห็นถึง 19 เปอร์เซ็นต์ ขององค์กรในกลุ่มประเทศดังกล่าว มีการคาดการณ์การใช้จ่ายสำหรับ Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์คลาวด์แบบผสมผสาน (Hybrid Cloud) ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยหน่วยงานกำกับดูแลและกฎระเบียบ รวมทั้งความต้องการที่จะทำให้กระบวนการทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
ความร่วมมือระหว่าง AIS กับ Oracle ในการให้บริการไฮเปอร์สเกล คลาวด์จะทำให้เศรษฐกิจไทยเกิดการหมุนเวียนภายในประเทศ ในมิติของเศรษฐกิจดิจิทัล และสามารถต่อยอดการให้บริการที่ตรงกับความต้องการขององค์กร ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยมีแรงขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
#AIS #Oracle #HyperscaleCloud #ThaiSMEs