พรูเด็นเชียล เปิดโรดแมท Net Zero 2050 ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ ด้วย 3 กลยุทธ์สู่ความยั่งยืน

กองบรรณาธิการ

พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เปิดกลยุทธ์ 3 เสาหลักแห่งความยั่งยืน  การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพและการเงินที่เข้าถึงได้ง่าย, การลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ และ การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยเชื่อว่า ความยั่งยืน (Sustainability) คือ หัวใจสำคัญของธุรกิจ และฝังอยู่ในเจตนารมณ์ขององค์กร “ชีวิตมีกัน…ทุกวันดีกว่า” (For Every Life For Every Future)

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับการทำธุรกิจที่รองรับการทำธุรกิจสู่ความยั่งยืน (Sustainability) และมีเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่แข็งแกร่งในองค์กร และทำให้การปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่โลก กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล จึงได้วางกลยุทธ์ 3 เสาหลักด้านความยั่งยืน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริงในแผนธุรกิจของภูมิภาคต่างๆทั้งเอเชีย แอฟริกา รวมทั้งประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญต่อการนำนโยบายด้านความยั่งยืน มาสู่การลงมือทำจริงผ่านโครงการเพื่อสังคมต่างๆของบริษัทฯ

พรูเด็นเชียล มีพันธกิจในการเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้างและผู้ปกป้องดูแลที่สามารถไว้วางใจได้สำหรับคนรุ่นนี้และรุ่นต่อๆ ไป โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านการเงินและสุขภาพที่เข้าถึงได้ง่าย หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือ ประเทศไทยมีผู้ที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่ประมาณ 38-39 เปอร์เซ็นต์ จากสัดส่วนประชากรทั้งหมดในประเทศไทย  นับว่าคนไทยมากกว่าครึ่งยังไม่มีความคุ้มครองใดๆในชีวิต ความมุ่งมั่นของเราคือการทำให้ประกันเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้กับคนทุกกลุ่ม เราจึงได้เปิดตัวแคมเปญ “การให้ที่ยั่งยืน คือ การให้ที่ส่งต่อได้” (Give The Future) นับตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ ได้มอบมอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุแก่ลูกจ้างของกรุงเทพมหานครตลอดจนกลุ่มลูกจ้างโรงพยาบาลรัฐมากกว่า 122,000 ราย ทุนประกันรวม 12,200,000,000 บาท ด้วยเล็งเห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งแต่อาจจะเข้าถึงประกันยากและไม่มีความคุ้มครองใดๆในชีวิต 

“เราอยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแล คนกลุ่มนี้ ทำให้เมืองกรุงของเราน่าอยู่ กรุงเทพฯก็ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของประเทศ ถ้าไม่ใช่คนเหล่านี้ ก็คงไม่ทำให้ กรุงเทพฯเราสวยอย่างทุกวันนี้และ เราไม่หวังผลตอบแทนจาก กทม. เลย” นายบัณฑิต กล่าว

นอกจากโครงการ Give The Future ที่มอบความคุ้มครองให้แก่กลุ่มคนเปราะบางแล้ว พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังดำเนินโครงการเพื่อสังคมด้านต่างๆ อาทิ โครงการชะ-ชิ้ง ที่ส่งเสริมด้านการศึกษา และ การส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยร่วมกับองค์การยูนิเซฟ เป็นต้น

สำหรับ โครงการชะ-ชิ้ง (CHA-CHING) คือ หนึ่งในโครงการที่พรูเด็นเชียลภูมิใจเพราะช่วยจุดประกายให้เด็ก ๆ ทั่วโลก รวมถึงเด็กไทยมีความเข้าใจและเรียนรู้ด้านการเงิน โดยจับมือกับพรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน และมูลนิธิจูเนียร์อะชีฟเม้นท์ ซึ่งการให้ความรู้จะมี 4 แกนสำคัญ คือ การหารายได้ การเก็บออม การใช้จ่าย และการบริจาค โดยปัจจุบันมีจำนวนการฝึกอบรมครูและนักเรียนใน มีนาคม 2567 นักเรียนจำนวน 234,292 คน ครูที่ได้รับการฝึกอบรม รวมทั้งหมด 15,144 คน โดยมาจากโรงเรียนภายใต้สังกัดสำนักงานเขตการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ จากทั่วประเทศ รวมกว่า 1,000 โรงเรียน

“พรูเด็นเชียล ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่การเปลี่ยนแปลงของโลกนี้ ด้วยพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบและมีธรรมาภิบาลที่ดี พร้อมนำกลยุทธ์ 3 เสาหลักความยั่งยืนสู่การลงมือทำจริง การดำเนินธุรกิจของเราจึงไม่เพียงแต่คำนึงถึงผลกำไร แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าและความยั่งยืนในระยะยาว เพื่อให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นนี้และรุ่นต่อไป” นายบัณฑิต กล่าวและว่า 

พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เริ่มการดำเนินโครงการทำธุรกิจที่รองรับความยั่งยืน Net Zero เมื่อปี 2019 ในปีที่ผ่านมาสามารถทำได้ 23 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2025 มีเป้าหมายที่จะลดให้ได้ 25 เปอร์เซ็นต์ และ ในปี 2030 มีเป้าหมายการลดลงของ Net Zero ที่ 55 เปอร์เซ็นต์

“พลูเด็นเชียล ให้ความสำคัญ และทำธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืน

ประเทศไทยเป็นประเทศที่เข้าสู่ Aging Society เร็วมาก รองจากญี่ปุ่น พลูเด็นเชียลมีกรมธรรม์บำนาญ ที่ทำได้ดีมากๆ รวมถึงการที่เข้าถึงการลงทุน มีช่องทางในการลงทุนในกองทุน ต่างๆ มากกว่า 70 กองทุนที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้า รวมถึงมีช่องทางออนไลน์สำหรับลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดด้วย” นายบัณฑิต กล่าว

#พลูเด็นเชียลประเทศไทย #พลูเด็นเชียล #NetZero #ThaiSMEs 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share