ซีบร้า เผย 87% ของผู้ผลิตในเอเชียแปซิฟิก ให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลมากที่สุด

กองบรรณาธิการ

ซีบร้า เทคโนโลยีส์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการโซลูชันดิจิทัลชั้นนำที่ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อข้อมูล สินทรัพย์ และผู้คนได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น รายงานผลการสำรวจ 2024 Manufacturing Vision Study ซึ่งแสดงให้เห็นว่า 61 เปอร์เซ็นต์ของผู้ผลิตทั่วโลกคาดหวังว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะผลักดันการเติบโตของธุรกิจมากขึ้นภายในปี 2029 เพิ่มขึ้นจาก 41 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2024 เมื่อมองลึกลงมาในระดับภูมิภาค 68 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ผลิตในเอเชีย-แปซิฟิกคาดหวังว่า AI จะผลักดันการเติบโตของธุรกิจมากขึ้นภายในปี 2029 เพิ่มขึ้นจาก 46 เปอร์เซ็นต์ในปี 2024 ทั้งนี้การนำ AI มาปรับใช้ที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึง 92 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลก และ 87 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสำรวจในเอเชีย-แปซิฟิกที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (digital transformation) มากที่สุด ตอกย้ำให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้ผลิตที่จะปรับปรุงการจัดการข้อมูล และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เพิ่มทัศนวิสัยในซัพพลายเชน (visibility) รวมถึงคุณภาพ ตลอดกระบวนการผลิต

แม้ว่า digital transformation จะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ผลิต แต่ 30 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลก และ 40 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสำรวจในเอเชีย-แปซิฟิกทราบดีว่าเส้นทางสู่ digital transformation นั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค เช่น ต้นทุนแรงงาน จำนวนแรงงานที่ใช้งานได้ การนำโซลูชันเทคโนโลยีมาปรับใช้ และการรวมเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ากับเทคโนโลยีด้านการดำเนินงาน (IT/OT convergence)

Visibility เป็นก้าวแรกสู่การเปลี่ยนแปลง โดยการนำ AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อระบุ ตอบสนองต่อ และจัดลำดับความสำคัญของปัญหา และโครงการได้ดียิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพตลอดกระบวนการผลิต เพื่อที่ผลลัพธ์จะได้ออกมาดีที่สุด

นายศิวัจน์ โรจนเต็มศักดิ์, ผู้จัดการประจำประเทศไทย, ซีบร้า เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า ผู้ผลิตหลายรายกำลังเผชิญกับปัญหาในการใช้ข้อมูลของตัวเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งพวกเขาทราบดีว่าต้องนำ AI และโซลูชันเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ มาปรับใช้ เพื่อเพิ่มความรวดเร็ว และประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ซีบร้าช่วยให้ผู้ผลิตดำเนินงานได้ง่ายขึ้นด้วยเครื่องมือที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น Fixed Industrial Scanning และ Machine Vision FX90 ultra-rugged fixed RFID readers และ ATR7000 RTLS readers ซึ่งจะยกระดับขั้นตอนการทำงานให้มีความเป็นอัตโนมัติมากขึ้น ส่งผลให้แรงงาน และเทคโนโลยีดำเนินงานไปด้วยกันได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

ซีบร้าช่วยเพิ่มศักยภาพให้ผู้ผลิตด้วยข้อมูลเชิงลึก และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อการเพิ่ม visibility คุณภาพ และความสามารถ รวมถึงประสิทธิภาพของแรงงาน สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความท้าทายเชิงดิจิทัล และความท้าทายด้านระบบอัตโนมัติ (automation) จาก Herrara และผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ 

ปิดช่องว่างทางทัศนวิสัยในซัพพลายเชน

ถึงแม้ว่าผู้ผลิตส่วนมากบอกว่า digital transformation เป็นเรื่องสำคัญ แต่การทำให้การทำงานในโรงงานเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์นั้นยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทาย Visibility ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพในกระบวนการผลิต อย่างไรก็ปัญหาช่องว่างทางทัศนวิสัยในซัพพลายเชน (visibility gap) ก็ยังคงมีอยู่ มีเพียง 16 เปอร์เซ็นต์ ของผู้นำด้านการผลิตทั่วโลกที่สามารถติดตามการดำเนินงานตลอดกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ได้ ส่วนในเอเชีย-แปซิฟิกมี 25 เปอร์เซ็นต์ของผู้นำด้านการผลิตที่ทำได้

ผู้นำด้านการผลิตเกือบ 6 ใน 10 (57 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก, 63 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก) คาดว่าจะสามารถเพิ่ม visibility ในทุกขั้นตอนการผลิต และในซัพพลายเชนได้ภายในปี 2029 แต่ประมาณ 1 ใน 3 (33 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 38 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก) บอกว่าความไม่ลงรอยกันระหว่าง IT และ OT เป็นอุปสรรคที่สำคัญในเส้นทางสู่ digital transformation นอกจากนี้ 86 เปอร์เซ็นต์ ของผู้นำการผลิตทั่วโลกยอมรับว่ากำลังเผชิญปัญหาในการตามนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ทัน รวมไปถึงการนำอุปกรณ์ เซ็นเซอร์ และเทคโนโลยีรวมเข้ากับโรงงาน/สำนักงานและซัพพลายเชน ซึ่ง 82 เปอร์เซ็นต์ ของผู้นำด้านการผลิตในเอเชีย-แปซิฟิกก็กำลังเผชิญปัญหาเดียวกัน ทั้งนี้บริษัท และองค์กรต่าง ๆ สามารถนำโซลูชันของซีบร้าไปพัฒนาการใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพได้ เพิ่มการรักษาความปลอดภัยและการจัดการให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งนำข้อมูลจากการวิเคราะห์มาใช้ยกระดับธุรกิจต่อ

เสริมทักษะแรงงาน พร้อมยกระดับคุณค่า และประสิทธิภาพ

ผลการสำรวจของซีบร้าเผยให้เห็นว่า ผู้ผลิตกำลังปรับกลยุทธ์สำหรับการเติบโต ด้วยการนำ AI และเทคโนโลยีอื่น ๆ มาปรับใช้ เพื่อปรับโฉมการผลิต พร้อมสร้างเสริมทักษะของแรงงานภายใน 5 ปี ข้างหน้า เกือบ 3 ใน 4 (73 เปอร์เซ็นต์) ของผู้นำด้านการผลิตทั่วโลกวางแผนที่จะฝึกแรงงานใหม่ให้มีทักษะด้านการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ส่วนใน ขณะที่ 7 ใน 10 คาดว่าจะนำเทคโนโลยีที่เน้นความคล้องตัวในการใช้งานเป็นหลักมาช่วยพัฒนาแรงงาน ส่วนในเอเชีย-แปซิฟิกมี 76 เปอร์เซ็นต์ ของผู้นำด้านการผลิตที่วางแผน และคาดการณ์เช่นเดียวกัน

เครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ผู้นำด้านการผลิตทั่วโลกกำลังปรับใช้ มีทั้งแท็บเล็ต (51 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 52 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก), คอมพิวเตอร์พกพา (55 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 53 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก) และซอฟต์แวร์สำหรับจัดการแรงงาน (56 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 62 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก) นอกจากนี้ 6 ใน 10 ของผู้นำการผลิต (61 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 65 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก) ก็วางแผนที่จะนำคอมพิวเตอร์พกพาแบบสวมได้มาใช้เสริมประสิทธิภาพการทำงานของแรงงานด้วย

ผู้นำด้านการผลิตที่เป็นผู้บริหารระดับสูง รวมไปถึงในสาย IT และ OT ทราบดีว่าการพัฒนาแรงงานต้องทำมากกว่าแค่นำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ 6 ใน 10 ของผู้นำด้านการผลิตทั่วโลก และ 66 เปอร์เซ็นต์ ของผู้นำด้านการผลิตในเอเชีย-แปซิฟิก ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแรงงานอย่างต่อเนื่อง การสร้างเสริมทักษะใหม่ให้พนักงาน (69 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก) และการพัฒนาสานอาชีพ (56 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก) เพื่อดึงดูดแรงงานที่มีความสามารถสูงในอนาคตมากที่สุด

นำ automation มาช่วยเพิ่มคุณภาพให้ถึงขั้นสุด

ปัจจุบันผู้ผลิตในแต่ละภาคส่วนให้ความสำคัญกับจัดการคุณภาพมาก แต่ต้องเผชิญกับปัญหาทรัพยากรที่ลดลง ผลสำรวจของซีบร้าชี้ให้เห็นว่า ปัญหาหลักในด้านการจัดการคุณภาพที่ผู้นำด้านการผลิตต้องเผชิญ ประกอบไปด้วยการติดตามการดำเนินงานในซัพพลายเชนได้แบบเรียลไทม์ (33 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 40 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก), การปฏิบัติตามมาตรฐาน และกฎระเบียบใหม่ (29 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 30 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก), การผสานรวมข้อมูล (27 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 31 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก), และการรักษาสถานะของการตรวจสอบย้อนกลับให้คงที่ (27 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก และในเอเชีย-แปซิฟิก)

ในอีก 5 ปีข้างหน้า แผนการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาปรับใช้ของผู้นำด้านการผลิตจะสามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้ เช่น วิทยาการหุ่นยนต์ (65 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 72 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก) ระบบตรวจสอบคุณภาพการผลิต หรือ machine vision (66 เปอร์เซ็นต์ ทั้งทั่วโลก และในเอเชีย-แปซิฟิก) RFID (66 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 72 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก) และ fixed industrial scanners (57 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 62 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก) ผู้นำด้านการผลิตส่วนมากเห็นตรงกันว่าการโซลูชัน automation เหล่านี้มีหลายปัจจัยเป็นตัวขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นการมอบหมายงานที่ต้องใช้ทักษะสูงให้กับแรงงาน (70 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 75 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก) การบรรลุข้อตกลงด้านระดับการบริการ (69 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก, 70 เปอร์เซ็นต์ในเอเชีย-แปซิฟิก) และการเพิ่มความยืดหยุ่นพื้นที่ (64 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลก, 66 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย-แปซิฟิก)

ผลการสำรวจที่สำคัญของแต่ละภูมิภาค

เอเชีย-แปซิฟิก (APAC)

• แม้ตอนนี้มีเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้นำด้านการผลิตในเอเชีย-แปซิฟิกที่ใช้ machine vision ในพื้นที่ผลิต แต่ในอีก 5 ปี ข้างหน้า 67 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ผลิตนั้นกำลังปรับใช้ machine vision หรือวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้

ยุโรป, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา (EMEA)

• การเสริมทักษะการใช้ข้อมูล และเทคโนโลยีให้ดีขึ้นให้แรงงาน คือกลยุทธ์ขับเคลื่อนการเติบโตอันดับหนึ่งที่ 46 เปอร์เซ็นต์ ของผู้นำด้านการผลิตใช้ในปัจจุบัน และ 71 เปอร์เซ็นต์ของผู้นำด้านการผลิตจะค่อย ๆ ใช้ในอีก 5 ปี ข้างหน้า

ละตินอเมริกา (LATAM)

• ในปัจจุบันมีเพียงแค่ 24 เปอร์เซ็นต์ของผู้นำด้านการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีระบบติดตามสินค้า อย่างไรก็ตาม 74 เปอร์เซ็นต์ของผู้นำด้านการผลิตกำลังปรับใช้ หรือวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้ในอีก 5 ปี ข้างหน้า

อเมริกาเหนือ

• 68 เปอร์เซ็นต์ ของผู้นำด้านการผลิตให้ความสำคัญกับโปรแกรมพัฒนาทักษะแรงงานมากที่สุด

#ซีบร้า เทคโนโลยีส์ คอร์ปอเรชั่น #ซีบร้า #ThaiSMEs

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share