ศธ. ผนึกเอกชน สร้างแพลตฟอร์ม DEEP มุ่งสู่การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ

กองบรรณาธิการ

กระทรวงศึกษาธิการ เปิดตัว DEEP-ดิจิทัล แพลตฟอร์มทางการศึกษายกกำลังสอง ดิสรัปชั่นทั้งระบบ เก็บฐานข้อมูลบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน ต่อยอดการพัฒนาทุนมนุษย์ Google-Microsoft ร่วมหนุนใช้ระบบ Single Sign-on ครั้งแรกในไทย TRDI เชื่อมั่นเยาวชนไทยได้รับการพัฒนาด้านการศึกษาแน่นอน

ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ระบบการศึกษาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาทุนมนุษย์หรือ Human Capital สู่ความเป็นเลิศ โดยมุ่งเน้นให้กระบวนการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ “ปลดล็อก ปรับเปลี่ยน เปิดกว้าง” เพื่อรองรับการปฏิรูปทางการศึกษาตามแผนงานการศึกษายกกำลังสอง โดยมี DEEP (Digital Education Excellence Platform) เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบูรณาการการศึกษาอย่างต่อเนื่อง

“DEEP ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างความเท่าเทียมของระบบการศึกษา สร้างความยืดหยุ่นในการเรียนการสอนมากขึ้น ซึ่งเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่มีหลักสูตรต่างๆ รองรับ โดยผู้เรียนสามารถเลือกหัวข้อเรียนตามสมรรถนะที่ต้องการพัฒนาได้ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักเรียน คุณครู และผู้บริหารสถานศึกษา ที่สำคัญจะเป็นการตอบโจทย์สมรรถนะของบุคลากรที่ภาคเอกชนหรือตลาดต้องการ โดยประชาชนทั่วไปก็สามารถเข้ามาเรียนเพื่อการ Re-Skill เพิ่มทักษะของตัวเองได้เช่นกัน เพราะ DEEP เป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ตลอดชีวิต” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว

ทั้งนี้จากปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว (Digital Transformation) ในโลกศตวรรษที่ 21 รวมไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการผนึกกำลังร่วมกับภาคเอกชนและภาคสังคม ในการ “ปลดล็อก ปรับเปลี่ยน เปิดกว้าง” เพื่อสร้างกลไกขับเคลื่อนการศึกษา ปฏิรูปสู่ความเป็นเลิศอย่างแท้จริงและยั่งยืน มุ่งเน้นให้ผู้เรียนกว่า 10 ล้านคนของประเทศสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่มีคุณภาพ และมีทางเลือกที่หลากหลายในการเรียนรู้ ให้ทั้ง “ครูเก่ง นักเรียนเก่ง” เพื่อสร้างทุนมนุษย์รองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก

วราวิช กำภู ณ อยุธยา  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า DEEP เป็นดิจิทัล ดิสรัปชั่น ทางการศึกษา ที่จะช่วยปรับเปลี่ยนการบริหารงาน และการพัฒนาทรัพยากรครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา โดยด้านกระบวนการบริหารจัดการภายใน กระทรวงศึกษาธิการจะมีฐานข้อมูลของบุคลากร และเด็กนักเรียนทั้งหมดที่ครบถ้วนทันที เป็นบิ๊กดาต้า ผ่านระบบดิจิทัล จากปัจจุบันที่การบันทึกเก็บข้อมูลด้วยระบบเอกสารมากกว่า 50 เปอร์เซนต์ ทำให้ไม่สามารถนำข้อมูลมาใช้ได้ทันเวลาเพื่อปรับเปลี่ยน หรือวางนโยบายเพื่อพัฒนาบุคลากรได้

“ระบบ DEEP จะทำงานผ่าน 3 ส่วน ได้แก่ ระบบ Classroom Management, School Management และ Office Management เพื่อระบบบริหารจัดการภายในทั้งด้านงบประมาณ ครุภัณฑ์ ระบบระเบียนเด็ก ซึ่งลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวก็สามารถดึงข้อมูลมาใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน DEEP ช่วยปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมขององค์กรทางการศึกษา เป็นการเปลี่ยนกรอบวิธีคิดด้านการเรียนการสอน และสิ่งแวดล้อมทางการเรียน เปลี่ยนรูปแบบให้ห้องเรียนเป็นที่ฝึกฝนคล้ายคลึงกับห้องปฏิบัติการ หรือเรียนรู้ผ่านโครงงานในภาคปฏิบัติ ขณะเดียวกัน ข้อมูลที่มีในระบบ DEEP สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับจากนี้ 12 เดือน ข้อมูลจะสามารถคลิกดูด้วยปลายนิ้วทันที” วราวิช

กล่าว และว่า ภายใต้ระบบ DEEP ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบการจัดหางานให้กับผู้จบการศึกษา เพื่อให้สามารถมีงานทำภายหลังจบการศึกษาได้ทันทีอีกด้วย

 ด้าน Tenzin Dolma Norbhu, Director of Government Affairs and Public Policy Southeast Asia, Google Asia Pacific กล่าวว่า กูเกิล มีความยินดีที่กระทรวงศึกษาธิการเห็นความสำคัญและมีความมุ่งมั่นในการวางแผนเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของประเทศ หัวใจของความสำเร็จในการสร้างเทคโนโลยีดิจิทัล คือการสร้างประโยชน์และความสะดวกให้เกิดขึ้นแก่ผู้ใช้ซึ่งได้แก่คุณครู นักเรียน และบุคคลากรทางการศึกษาของไทย ดังนั้นสิ่งที่สำคัญจึงไม่ใช่การสร้างเพื่อให้มีอยู่ แต่ต้องมีการเรียนรู้ ปรับปรุง และทำให้ดีขึ้นอยู่เสมอเพื่อผู้ใช้ระบบทุกคนต่อไป

ปวิช ใจชื่น รองกรรมการผู้จัดการ สานงานกลุ่มธุรกิจภาครัฐ ภาคการศึกษา และสาธารณสุข บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าการเกิดโควิด-19 ก่อให้เกิดการปรับกระบวนการในเกือบทุกแขนงอย่างรวดเร็วซึ่งรวมไปถึงด้านการศึกษาด้วย โดยเป็นตัวเร่งให้ทั้งระบบซึ่งเริ่มต้นจากผู้บริหารโรงเรียนถึงผู้เชี่ยวชาญด้านไอที เพื่อปรับกระบวนการครั้งใหญ่ที่สอดคล้องกันตั้งแต่บุคลากร อาจารย์ นักเรียน ระบบและหลักสูตรต่างๆ เพื่อให้ระบบการศึกษามีความต่อเนื่อง และเมื่อเราต้องเดินต่อ การศึกษาแบบผสมผสาน หรือ Hybrid นั้นจะสามารถมาประสานแนวทางต่อจากนี้ได้เป็นอย่างดี

สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI กล่าวว่า การศึกษาไทยต้องปรับเปลี่ยน โดยต้องเน้นการพัฒนาทักษะใน 4 ด้าน ได้แก่ ทักษะด้านการคิดเชิงวิเคราะห์ (Critical Thinking) การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) การทำงานเป็นทีม (Collaboration) และมีทักษะการสื่อสารที่ดี (Communication) หากทำได้เชื่อว่า เยาวชนไทยจะได้รับการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งการศึกษายกกำลังสองของกระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาเยาวชนผ่านระบบดิจิทัล ดิสรัปชั่น ทำให้ตนนั้นมีความหวังต่อการพัฒนาระบบการศึกษาไทย

สำหรับการใช้งานบนแพลตฟอร์ม DEEP นั้นเป็นระบบการล็อกอินเดียว (Single Sign-on) โดยเมื่อลงทะเบียนบน DEEP ในครั้งแรกและได้รับอีเมลจากระบบก็สามารถเข้าใช้แพลตฟอร์มอื่นๆ อย่าง กูเกิล ไมโครซอฟต์ผ่านแพลตฟอร์ม DEEP ได้ และในอนาคตทางกระทรวงศึกษาธิการยังได้วางแผนให้ DEEP ได้เป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่นอกจากจะช่วยพัฒนาองค์ความรู้ให้นักเรียนและครูในระบบแล้ว ยังช่วย “ปรับเปลี่ยน” ระบบการเรียนการสอนของไทย ให้นักเรียน นักศึกษาได้ทำการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองนอกห้องเรียน และนำมาวิเคราะห์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณครูที่จะรับหน้าที่ในการเป็นผู้อำนวยความสะดวกทางการเรียนหรือ Facilitator ได้ด้วย

นอกจากนี้  DEEP ยังสามารถเก็บสถิติการเรียนการสอนในแต่ละครั้งของนักเรียนและครู โดยในปัจจุบันตั้งแต่เปิดการใช้ DEEP อย่างไม่เป็นทางการนั้นมีผู้เรียนล็อกอินเพื่อใช้ DEEP ไปแล้วกว่า 450,000 ครั้ง ซึ่งจากการเก็บสถิติที่เป็นประโยชน์ของ DEEP นี้ จะช่วยในการเปลี่ยนแปลงแนวทางการประเมินทั้งกระบวนการในรูปแบบ Lifetime Development Profile ที่จะบันทึกเส้นทางการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองได้

Libing Wang, Senior Programme Specialist in Higher Education of Section for Educational Innovations and Skill Development (EISD), UNESCO Bangkok กล่าวว่า การลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาของทุกประเทศ ซึ่งหากทุกประเทศมีเด็กและเยาวชนที่มีคุณภาพ จะส่งเสริมให้ประชากรของประเทศนั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งในสถานการณ์การแพร่ของโรคโควิด-๑๙ ที่ผ่านมา เป็นการส่งสัญญาณเตือนคนทั่วโลก ให้เกิดตื่นตัว และเตรียมพร้อมรับการปรับเปลี่ยนแนวทางการเรียนการสอน สำหรับตัวเด็กและเยาวชน ซึ่งคนที่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด จะเก่งที่สุดเช่นกัน สามารถเข้าชมหน้าแพลตฟอร์ม DEEP ได้ที่ www.deep.go.th

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share