เครือเฮอริเทจ พร้อมโชว์ศักยภาพความเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกอาหารและเครื่องดื่มมาตรฐานสากลในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2024

กองบรรณาธิการ

เครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เข้าร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 ในคอนเซ็ปต์ของปีนี้คือ Beyond Food Experience หรือ การนำเสนอประสบการณ์ที่มากกว่าเพียงรสชาติ สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ในเครือที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานการผลิตระดับโลก พร้อมด้วยปณิธานของเครือที่มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่มีรสชาติดี แต่ยังถึงพร้อมด้วยการสร้างสุขภาพที่เป็นเลิศให้แก่ผู้บริโภคทุกวัย

ภายในบูธเครือเฮอริเทจปีนี้ พร้อมจัดแสดงแบรนด์ชั้นนำ อาทิ เฮอริเทจผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ, บลูไดมอนด์ ผลิตภัณฑ์อัลมอนด์และนมอัลมอนด์จาแคลิฟอร์เนีย, ซันคิสท์ ผลิตภัณฑ์ถั่วพิสทาชิโอ ถั่วพรีเมียมคุณภาพหลากหลายชนิด และเครื่องดื่มน้ำนมพิสทาชิโอ, นัท วอล์คเกอร์ ขนมขบเคี้ยวประเภทถั่วและเมล็ดพืช, เนเจอร์ เซ็นเซชั่น ผลิตภัณฑ์ธัญพืชและผลไม้อบแห้ง, วันเดอร์พัฟฟ์ข้าวโพดอบกรอบผสมถั่วพรีเมียม, ฟรังซัว คุ้กกี้สไตล์โฮมเมด และ เลอรูทอาหารคลีนพร้อมทาน

“เรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการส่งมอบประสบการณ์อันมีคุณค่าที่เป็นเลิศด้วย Healthy Food เพื่อ Happy Life ของผู้บริโภค เราทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างนวัตกรรมทางอาหารที่มีความหลากหลายและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มและทุกไลฟ์สไตล์ ยกตัวอย่างงานในวันนี้ เราได้มีการนำนมอัลมอนด์ มาทำเป็นไอศกรีม plant-based soft serve เพิ่มความน่าสนใจให้กับตลาดผู้บริโภคนมทางเลือก เพื่อแสดงให้ผู้ประกอบการเห็นว่า ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในเครือเฮอริเทจ สามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่อร่อย ดีต่อสุขภาพ น่าสนใจได้หลากหลาย ขยายกลุ่มเป้าหมาย และสร้างโอกาสทางธุรกิจด้านอาหารเเละเครื่องดื่มสุขภาพได้ต่อไป” นางสาววศธร พลไพศาล ผู้บริหารเครือเฮอริเทจ กล่าว

ในปีนี้เราได้รับรางวัล Thailand’s Most Admired Brand จัดขึ้นโดยนิตยสาร BrandAge โดยทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคชาวไทย เกี่ยวกับแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบและประทับใจมากที่สุด โดย Blue Diamond Almond Breeze ได้รับรางวัลนี้ถึง 2 ปีซ้อน คือในปี  2023 จากกลุ่มนมจากธัญพืช และ ในปี 2024 จากกลุ่มนมอัลมอนด์ รางวัลนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเรา ในการนำเสนอนมอัลมอนด์ที่มีคุณภาพ ผลิตจากอัลมอนด์นำเข้าจากแคลิฟอร์เนีย รสชาติอร่อย และดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคชาวไทย

ภายในงาน มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์หลายรายการ ได้แก่ บลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ โยเกิร์ตพร้อมดื่มจากนมอัลมอนด์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์ ที่ได้เปิดตัวไปช่วง Q4 ของปี 2023 นับเป็นโยเกิร์ตพร้อมดื่มแพลนท์เบส ที่ทำจากนมอัลมอนด์ แบรนด์แรกในประเทศไทย ยังคงคุณประโยชน์ของนมอัลมอนด์ ที่มีวิตามินอีและแคลเซียมสูง นำมาผสมผสานกับน้ำผลไม้แท้ ที่ให้ทั้งวิตามินและความสดชื่น มาใน 2 รสชาติ ได้แก่ รสทรอปิคอล ฟรุต และ รสมิกซ์เบอร์รี่ เป็นการขยายทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่หลีกเลี่ยงนมวัวด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น มีภาวะย่อยแลคโตสผิดปกติ แพ้โปรตีนในนมวัว เป็นต้น  

บลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ เครื่องดื่มน้ำนมอัลมอนด์ ที่มียอดขายอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา ทั้ง 7 สูตร ได้แก่ สูตรไม่เติมน้ำตาล, รสออริจินอล,  รสวานิลลา, รสช็อกโกแลต, รสมัทฉะ, รสลาเต้ และ สูตรบาริสตา เบลนด์ ได้มีการปรับโฉม packaging ใหม่ทั้งหมด เพื่อขยายตลาดให้โดนใจสายสุขภาพที่เป็นคนรุ่นใหม่  โดยมี ต้าเหนิง กัญญาวีร์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของประเทศไทย สื่อภาพลักษณ์ของการเป็นคนรุ่นใหม่ที่ดูแลตัวเอง และใส่ใจในสุขภาพ ให้เป็นตัวแทนสื่อสารในการเปลี่ยนลุคในครั้งนี้ โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก

วันเดอร์พัฟฟ์ เปิดตัว 2 รสชาติใหม่ ได้แก่ ข้าวโพดอบกรอบผสมมะม่วง และข้าวโพดอบกรอบผสมแครนเบอร์รี ป๊อบคอร์นแบรนด์วันเดอร์พัฟฟ์ มีความพิเศษตรงที่มีการผสมผสานถั่วพรีเมียมชนิดต่าง ๆ อาทิ แมคคาเดเมีย อัลมอนด์ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น โดยปีนี้ เราได้เพิ่มผลไม้อบแห้ง 2 ชนิด คือ มะม่วงและแครนเบอร์รี่ เข้ามาเป็นส่วนประกอบ สร้าง texture การทานป๊อปคอร์นแบบใหม่ ๆ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี

นางสาววศธร กล่าวต่อว่า ในส่วนของการทำตลาดบริษัทขยายการทำตลาดผ่านออนไลน์มาขึ้น เพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีอายุระหว่าง 20-30 ปี มากขึ้น เพื่อรองรับคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น

สำกรับมูลค่าตลาดรวมของนมทางเลือกในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 1,500 ล้านบาท บริษัทคาดว่ามีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 800 ล้านบาท มีการเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท มาจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ 60 เปอร์เซ็นต์หรือประมาณ 1,700 ล้านบาท มาจากผลิตภัณฑ์นมทางเลือกที่ 1,300 ล้านบาท มีรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 2,000 ล้านบาทหรือมีสัดส่วนรายได้ของของบริษัทที่ 40 เปอร์เซ็นต์และสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์นมนี้ มีอัตราการเติบโตที่ 18 เปอร์เซ็นต์

“ตลาดผลิตภัณฑ์จากพืช มีการเติบโตดี ค่อนข้างสูง เนื่องจากผู้บริโภคสนใจสุขภาพมากขึ้น เนื่องจากคนไทยดื่มนมน้อยมากเมื่อเทียบกับทั่วโลก” นางสาววศธร กล่าว

#เครือเฮอริเทจ #ThaiSMEs #THAIFEX–AnugaAsia2024

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share