ไพร์ม โซลูชั่น ขยายฐานครอบคลุมตลาดทุกขนาด ตั้งเป้าโต 20%

กองบรรณาธิการ

ไพร์ม โซลูชั่น ปรับกลยุทธ์ ปี 66 เน้นโฟกัสงานด้านบริการ และเจาะกลุ่มใหม่สู่ SME ชูช่องทางเด่นขายผ่าน Com7 รับกระแสด้วยการทำตลาดซอฟต์แวร์ผ่านคลาวด์ ย้ำปีนี้พร้อมรุกตลาดคู่กับพันธมิตร

นายมาดี สุธัมมะ ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพร์ม โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของไพร์ม โซลูชั่น ในปี 2566 มีการปรับฐานตลาดครั้งใหญ่ จากเดิมที่เคยเน้นเฉพาะงานด้านเอสไอ หรือการรวบรวมและอิมพลีเมนต์ระบบ แต่นับจากนี้ไปจะขยายไปสู่งานบริการให้มากขึ้นด้วย และพร้อมที่จะผลักดันให้เป็นธุรกิจหลักในอนาคต

ปัจจุบันงานบริการประกอบไปด้วย การให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบคลาวด์ การพัฒนาแอพพลิเคชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารายนั้นๆ ตลอดจนการนำเสนอนวัตกรรมที่จะเข้าไปช่วยยกระดับงานหรือบริการของลูกค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“จากความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรม จนออกมาเป็นโซลูชันเพื่อนำมาให้บริการแก่ลูกค้าในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ปีนี้จึงนับว่าไพร์ม โซลูชั่น มีความพร้อมอย่างเต็มที่ ที่จะผลักดันการให้บริการซอฟต์แวร์บนคลาวด์ อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่ดีอย่างยิ่งเนื่องจากธุรกิจต่างๆ ฟื้นตัวอย่างเต็มที่จากสถานการณ์โควิด” นายมาดี กล่าว

ขณะเดียวกัน ไพร์ม โซลูชั่น ยังได้วางจำหน่ายซอฟต์แวร์ด้าน PDPA (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ผ่านหน้าร้าน Com7

ตั้งเป้าปี 66 โต 20%

จากกลยุทธ์การเพิ่มฐานตลาดไปสู่ธุรกิจขนาด SME ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้เกิดการเติบโตราว 15-20% ในปี 2566 จากเดิมที่มีฐานลูกค้าที่ดำเนินโครงการในกลุ่มภาครัฐต่อเนื่องจากปีก่อนอยู่แล้ว

ทั้งนี้ แม้ว่าที่ผ่านมาธุรกิจด้านบริการจะมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 5% แต่ปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนมาจากงานด้านบริการเพิ่มเป็น 20% และกลายเป็น 30% ในอีก 2 ปีถัดไป โดยมีปัจจัยจากการที่ ไพร์ม โซลูชั่น ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Exclusive Partner) กับนวัตกรรมด้านการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าซึ่งมีระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ หรือ Face Authentication แบรนด์ดัง “เมทสคัวร์” (Metsakuur) ประเทศเกาหลีที่ได้รับรางวัลระดับชาติมาแล้ว

นายมาดี กล่าวว่า เมทสคัวร์ จะเป็นนวัตกรรมในการขับเคลื่อนให้ ไพร์ม โซลูชั่น ได้พัฒนาโซลูชันและบริการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าบนจุดยืนของเรา คือ การให้ความสำคัญกับลูกค้าและผู้ใช้ หรือ Customer Centric and User Centric ด้วยการยืดหลักทำตามความต้องการของลูกค้าและผู้ใช้ เพื่อให้เกิดผลิตภาพ (Productivity) และการใช้ประโยชน์ (Utilization) สูงสุด  

การวางจำหน่ายซอฟต์แวร์ด้าน PDPA ผ่านช่องทางของ Com7 เป็นการขยายโอกาสไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ได้เป็นอย่างดี ด้วยศักยภาพความพร้อม แบรนด์ และสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ ทำให้ไพร์ม โซลูชั่น สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกระดับทั้งส่วนบุคคล ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ตลอดจนห้างร้านรายย่อย

เมทสคัวร์ ชูเด่นสแกนใบหน้าครั้งเดียวใช้ได้หลายบริการ

นายสุรชัย ชัยยารังกิจรัตน์ ซีทีโอ บริษัท ไพร์ม โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ขยายความเกี่ยวกับ เมทสคัวร์ (Metsakuur) ว่า เป็นนวัตกรรมด้านการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าในระดับเอนจิ้น โดยเป็นตัวกลางที่เชื่อมต่อการใช้งานหลายๆ แบรนด์ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งมีจุดเด่นที่สามารถพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางในการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าสามารถใช้กับอุปกรณ์ได้ทุกระบบ

ปัจจุบันการสแกนใบหน้าแม้จะใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ก็ตาม แต่ทุกบริการพัฒนาแยกกัน จึงไม่สามารถนำข้อมูลจากหลายๆ อุปกรณ์มาทำการวิเคราะห์ร่วมกันได้ กลายเป็นการใช้แบบเฉพาะงาน ทำให้ระบบมีอยู่มากมายไม่เป็นหนึ่งเดียว และไม่เกิดประโยชน์สูงสุด

เทคโนโลยีมาแรงปี 2566

นายสุรชัย กล่าวถึงแนวโน้มด้านเทคโนโลยีในปี 2566 ว่า ประเทศไทยอยู่ในยุคการปฏิรูปไปสู่ดิจิทัล หรือ Digital Transformation ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนเอกชนรายใหญ่ไปถึงรายย่อย ทุกองค์กรต่างปรับตัวครั้งใหญ่ ทำให้การพัฒนาทุกๆ ด้านมุ่งสู่ดิจิทัลเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ สร้างความแข็งแกร่ง รวดเร็ว และเพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรของคนที่เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับมุมมองของไพร์ม โซลูชั่น โดยนายสุรชัย เล็งเห็นแนวโน้มเทคโนโลยีที่มาแรงในปี 2566 มี 3 ด้าน ดังนี้

1. ปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติ (AI and Automation)

ปัญญาประดิษฐ์ที่อยู่ในอุปกรณ์การใช้งานด้านต่างๆ จะถูกเชื่อมโยงให้สามารถทำงานร่วมกันได้ จากเดิมที่แยกกันอย่างชัดเจน ดังเช่น เอไอในระบบล็อคประตูบ้าน โทรศัพท์มือถือ กล้องวงจรปิด เครื่องปรับอากาศ ระบบควบคุมการเข้าสู่พื้นที่ ระบบออฟฟิศอัจฉริยะ ระบบบิ๊กดาต้า ระบบ KYC โดยในปีนี้จะได้เห็นเอไอในระบบต่างๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันและทำงานร่วมกันมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การมองเห็นในภาพรวมเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้น

2. การบูรณาการข้อมูล (From Data Integration to Data Governance)

นับจากนี้ทุกฝ่ายในองค์กรจำเป็นจะต้องมุ่งสู่การบูรณาการข้อมูลเพื่อให้การแลกเปลี่ยนใช้งานข้อมูลร่วมกันในทุกฝ่ายทำได้อย่างราบรื่น โดยต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง อัปเดต มีรูปแบบที่สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ พร้อมที่จะเชื่อมโยงกัน และ ตรวจสอบได้ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่การสร้างธรรมาภิบาลข้อมูลให้แก่องค์กรในที่สุด

3. ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Zero trust is a Cybersecurity strategy)

ซีโร่ทรัสต์ (Zero Trust) จะเป็นกลยุทธ์หลักด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีความปลอดภัยที่แท้จริงบนโลกของไซเบอร์ จึงไม่สามารถปล่อยให้เข้าสู่ระบบโดยละเลยการตรวจสอบ ไม่กำหนดขอบเขตสิทธิในการใช้งานแต่ละระบบเท่าที่จำเป็น และ ถือการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตเป็นการละเมิดได้ ซึ่งแตกต่างเป็นอย่างมากจากโครงสร้างในปัจจุบัน จำเป็นต้องเริ่มต้นสร้างความตระหนัก อบรมให้ความรู้แก่พนักงาน และ ควรปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้สอดรับกับโครงสร้างแบบซีโร่ทรัสต์ดังกล่าว

ขณะที่ นายมาดี ได้กล่าวถึงแนวโน้มเชิงกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมไอซีทีว่า ปัจจุบันแวดวงไอซีทีให้ความสำคัญกับ Value-added Partnership เพื่อประสานความร่วมมือจากแต่ละฝ่ายให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มและสามารถส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าและผู้ใช้งาน โดยไม่ได้มองว่ารายใดเป็นคู่แข่งทางธุรกิจอย่างถาวร แม้แต่เวนเดอร์รายใหญ่ก็หันมาโฟกัส Value-added Partnership พร้อมที่จะจับมือกับผู้ประกอบการแม้จะเป็นรายเล็กที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเองได้นั่นเอง

#ไพร์มโซลูชั่น #ThaiSMEs

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share